ตลาดน้อย เป็นอีกหนึ่งย่านที่พัฒนาจากความเป็นบ้านครอบครัวไทย-จีนมาเป็นย่านที่มี ‘อะไร’ ให้เพื่อนชาวกรุงย่านอื่นได้แวะเวียนไปทั้งกลางวันและกลางคืน ลืมร้านอาหารและคาเฟ่เก๋ๆ ไปก่อน เพราะครั้งนี้เราจะพาไปตึกแถวเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีที่มีบาร์เล็กๆ ซ่อนอยู่หลังประตูไม้ แถมยังให้บรรยากาศย้อนยุคเหมือนอยู่ในโรงละครยุคเก่าเลยทีเดียว
นี่คือ To More (ทู มอร์) บาร์ที่ไม่ได้มีแต่เบียร์และเหล้ากับโต๊ะเก้าอี้นั่งเมาท์มอยเพลินๆ เพราะแท้จริงแล้วจริงจังเรื่องดนตรีแจ๊สฟูลแบนด์ไปจนถึงโชว์ต่างๆ ที่แวะเวียนมาจัดแสดงกันทุกสัปดาห์
แสงสลัวๆ กับบรรยากาศหลังม่านแดงแห่งตลาดน้อย
The Vibe
หากมองจากนอกร้าน ใครจะคิดว่าจะมีห้องเล็กๆ ที่เป็นทั้งบาร์และโรงละครจิ๋วในที่เดียว ด้วยความที่ตั้งอยู่ในตึกแถวเก่าแก่อายุเกือบร้อยปี คอนเซปต์ของบาร์จึงมีความคลาสสิกตามกันไป ตัวร้านตกแต่งให้เป็นกึ่งบาร์กึ่งโรงละครยุค 40-50 ชวนนึกถึงยุคเฟื่องฟูของวงการมหรสพ ม่านแดง เวที นักแสดง และบรรยากาศที่เป็นใจ ทำให้ที่แห่งนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาตั้งแต่หลังสองทุ่มเป็นต้นไป
ม่านสีเลือดหมู เวทีเล็ก ผนังกระจก โซฟาสีแดงที่มุมร้าน โต๊ะเก้าอี้ทรงสูง และบ็อกซ์ซีตสำหรับคู่รัก พร้อมเพลงแจ๊ส โซล และฟังก์ที่คลอเป็นฉากหลังเบาๆ ยิ่งยวนยั่วให้อยากทิ้งตัวลงอยู่ตรงนี้ตลอดคืน ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องใส่สูทผูกไทหรือสวมชุดราตรีสีเลือดนกพร้อมรองเท้าส้นสูงเพื่อมาที่นี่ เพราะ To More เป็นบาร์ที่เปิดรับสำหรับทุกคน ใส่รองเท้าแตะกับกางเกงขาสั้นมาเอ็นจอยการแสดงก็ไม่ว่ากัน
คืนนี้อีกยาวไกล จิบอะไรดี
เพราะทุกวันคือวันแห่งดนตรี แต่ละวันจะมีดนตรีหลายแนวผลัดกันเล่นเพื่อสร้างบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็นแจ๊สฟูลแบนด์ เปิดแผ่นเสียง ดีเจ หรือแม้กระทั่งโชว์ดนตรีเดี่ยว และหากโชคดีบางครั้งก็จะไม่ได้มีแค่ดนตรีอย่างเดียว แต่มีการแสดงที่น่าสนใจมาให้นั่งชมเพลินๆ โดยไม่คิดค่าเข้าเพิ่มอีกต่างหาก แค่สั่งเบียร์หรือค็อกเทลสักแก้วก็เพลินได้แล้ว
Dirty Martini เวอร์ชันปรับโฉมใหม่
The Drinks
และแน่นอนว่าเมื่อฟังดนตรีก็ต้องมีเครื่องดื่มมาจิบเคล้ากันไปด้วย ซึ่งเครื่องดื่มของที่นี่ตั้งชื่อตามละครเวทีและโอเปราอันมีชื่อเสียง และด้วยคืนนี้ยังอีกยาวไกล กระซิบบอกบาร์เทนเดอร์ให้ชง Chicago (260 บาท) ค็อกเทลรสออกเปรี้ยวหวานที่แฝงไว้ด้วยความสดชื่น หอมหวนด้วยกลิ่นเหล้าอัลมอนด์ ให้รสหวานจากน้ำเชื่อมสมุนไพรที่ตัดรสด้วยเลมอนที่บาร์เทนเดอร์เขย่าให้เข้ากันพร้อมน้ำแข็งทุบละเอียด ก่อนที่จะริมขอบแก้วด้วยเกลือทะเล ทุกจิบมีความเปรี้ยวอมหวานตามด้วยรสเค็มอ่อนๆ ตบท้ายด้วยความสดชื่น เข้ากับสภาพอากาศกรุงเทพฯ เป็นอย่างดี
‘To More’ Martini และ Chicago
ใครที่ชื่นชอบรสหอมหวาน แต่ดูดีมีระดับ Once (280 บาท) แก้วนี้คือคำตอบ เพราะเบสด้วยเตกีลากับครีมสตรอว์เบอร์รี เสริมกลิ่นหอมด้วยเหล้ารัม โปะด้วยฟองนุ่มด้านบน รสชาติครีมมี่และหอมหวานอาจทำให้คุณเผลอสั่งไปอีกหลายแก้วจนลืมเรื่องคุมน้ำหนักไปเลยก็ได้…
ส่วนหนุ่มสาวชาวคลาสสิกค็อกเทลหรือผู้นิยมค็อกเทลแนวสปิริตฟอร์เวิร์ด มีเมนู (ไม่) ลับ ‘To More’ Martini (320 บาท) ที่หยิบ Dirty Martini มาปัดฝุ่น พลิกแพลงเป็นสูตรเฉพาะด้วยการผสมน้ำหัวหอมดอง (ใช่แล้ว คุณอ่านไม่ผิด) ในมาร์ตินีค็อกเทล แถมด้วยหอมดองเสียบก้านไม้มาให้กินควบคู่กับการจิบเหล้า แม้ค็อกเทลแก้วนี้จะมีรสเหล้าแรงเป็นพระเอกบู๊ออกโรง แต่กลับดื่มง่ายและลื่นคอเสียยิ่งกว่ามาร์ตินีที่เราคุ้นเคย แถมยังมีรสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม ยิ่งเคี้ยวหอมดองไปพร้อมกับจิบมาร์ตินีทีละนิด รสชาติยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ
จิบ Once ฟังแจ๊สไปพลางกันสักหน่อยไหม
ส่วนใครสองใจ เลือกไม่ได้ระหว่างเบียร์และค็อกเทล ลองหันมาทางสายกลางอย่างเบียร์ค็อกเทลดูไหม Honeymoon in Vegas (220 บาท) เบียร์สด Budweiser ผสมน้ำสับปะรด เลมอน และน้ำเชื่อมดอกเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ รสชาติเปรี้ยวซ่า ตามด้วยหวานเล็กน้อย ดื่มง่ายกว่าเบียร์ น่าลองไม่เลวเลย
What You Should Know:
- ติดตามรายละเอียดวงดนตรีและโชว์การแสดงได้ทางเฟซบุ๊กของร้าน www.facebook.com/tomorebar
- สามารถจอดรถริมถนนได้ แต่แนะนำให้มาด้วยรถสาธารณะจะดีกว่า อย่าลืมว่า #เมาไม่ขับ นะ
To More
Open: เปิดบริการวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 18.00-24.00 น.
Address: 945 ตลาดน้อย ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ
Budget: 200-600 บาท
Contact: 09 5593 9661
Website: www.facebook.com/tomorebar
Map:
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์