วันนี้ (13 มี.ค. 2561) เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ศาลปกครองกลางได้นัดฟังคำพิพากษาคดีที่บริษัท ไทยทีวี จำกัด ยื่นฟ้อง กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้การประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลของบริษัทไทยทีวีเป็นโมฆะทั้งหมด และเพิกถอนหนังสือที่ให้บริษัทไทยทีวี ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่งวดที่ 2 และยกเลิกให้บริษัทไทยทีวี ได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่พร้อมกับให้ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาต โดยให้สั่ง กสทช. คืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพ จำนวน 16 ฉบับ รวมทั้งคืนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่บริษัทได้ชำระไปแล้ว จำนวน 365,512,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 บาทต่อปี นับแต่วันฟ้องจนชำระเสร็จสิ้น และค่าเสียหายจากการกระทำของ กสทช. จำนวน 713,828,282.92 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 บาทต่อปี
โดยศาลปกครองกลางพิพากษาว่า กสทช. กระทำผิดสัญญาที่ได้ประกาศชี้ชวนไว้กับบริษัท ไทยทีวี จำกัด จริง ดังนั้นบริษัทไทยทีวีจึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญา แต่วันที่บอกเลิกสัญญาพ้นกำหนดการจ่ายค่าใบอนุญาตงวดที่ 2 ซึ่งบริษัทได้ดำเนินกิจการทีวีดิจิทัลไปแล้ว จึงต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตงวดที่ 2 เป็นเงิน 258 ล้านบาท ส่วนหนังสือค้ำประกันธนาคารกรุงเทพ 16 ฉบับ ซึ่งเป็นค่างวดตั้งแต่งวดที่ 3 เป็นต้นไป ให้ กสทช. คืนให้กับบริษัทไทยทีวี แต่ถ้าไม่สามารถคืนได้ ก็ให้ชดใช้เป็นเงินแทน
ทั้งนี้ศาลปกครองกลางไม่ได้มีคำสั่งให้ กสทช. ชดใช้ค่าเสียหายตามที่บริษัทเรียกร้อง เพราะภาวะขาดทุนเกิดจากการดำเนินธุรกิจตามปกติ
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายปี 2556 ทีวีพูลได้ชนะการประมูลช่องทีวีดิจิทัล 2 ช่อง ทั้งช่องข่าวหมายเลข 17 (ไทยทีวี) ราคา 1,328 ล้านบาท และช่องเด็กหมายเลข 15 (โลก้า) ราคา 648 ล้านบาท รวม 1,976 ล้านบาท โดยได้ชำระเงินงวดแรกไปแล้ว 365.50 ล้านบาท อย่างไรก็ดี นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยทีวีพูล จำกัด และ บริษัท ไทยทีวี จำกัด ได้ยื่นหนังสือถึงบอร์ด กสทช. เพื่อขอยกเลิกใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัลทั้ง 2 และได้ยุติการออกอากาศตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 เป็นต้นมา
นางพันธุ์ทิพา ได้ให้เหตุผลว่า กสทช. เป็นผู้ทำผิดสัญญา กรณีไม่ยอมดำเนินการกำกับหรือดูแลการเปลี่ยนผ่านการรับชมทีวีดิจิทัลให้เป็นไปตามกฎหมายและแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ ฉบับที่ 1 (2555-2559) จนเป็นเหตุให้ประชาชนทั้งประเทศไม่สามารถรับชมทีวีดิจิทัลได้กว้างขวางและมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินการของผู้ประกอบการ
ด้วยเหตุนี้ไทยทีวีจึงร้องเรียน และขอยกเลิกสัญญาและคืนคลื่นความถี่ทั้ง 2 ช่อง ‘ไทยทีวีและโลก้า’ พร้อมขอหนังสือค้ำประกันทั้ง 2 ช่องในจำนวน 1,750 ล้านบาท รวมทั้งค่างวดที่ชำระไปแล้ว และค่าเสียหายทั้งหมดคืน (ชำระเงินงวดแรกไปแล้ว 365.50 ล้านบาท + ค่าเสียหายอีกเกือบ 1,000 ล้านบาท)
อ้างอิง:
