×

14 ปี เนวิเกเตอร์ เพราะติ๊ก เจษฎาภรณ์ ‘ทำในสิ่งที่รัก’ รายการจึงยืนยงและจากไปอย่างน่าจดจำ

09.04.2019
  • LOADING...
Tik Jesdaporn Pholdee

HIGHLIGHTS

10 Mins. Read
  • ตลอดหลายปี ภาพนักเดินทางและนักผจญภัยของ ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี ผ่านบทบาทพิธีกรรายการ เนวิเกเตอร์ สารคดีท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ออกฉายทางช่อง 3 ทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์ กลายเป็นภาพจำควบคู่ไปกับผลงานการแสดงของเขาตลอด 14 ปีที่ผ่านมา
  • รายการ เนวิเกเตอร์ เทปสุดท้ายออกอากาศไปแล้วเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (8 เมษายน 2562) ปิดฉากการเดินทางที่เริ่มต้นจากความรักและอุดมการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมของเขาได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าชื่นชม
  • ‘วิถีชีวิตและอุดมการณ์’ ตลอด 14 ปี ของติ๊ก เจษฎาภรณ์ ที่ได้ลงมือทำให้เห็นผ่านรายการ เนวิเกเตอร์ นั้นตรงกับปรัชญาอันเรียบง่ายของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า ‘อิคิไก’ ซึ่งถ้าถอดศัพท์ตามภาษา อิคิ (Iki แปลว่า มีชีวิต) และไก (Gai แปลว่า เหตุผล) หมายถึงจุดมุ่งหมายหรือเหตุผลของการมีชีวิตอยู่  
  • บทความหลายแหล่งสื่อสารถึงอิคิไกให้เห็นภาพเดียวกันได้ผ่าน 4 จุดร่วมที่คล้ายคลึงกันคือ สิ่งที่รัก สิ่งที่ทำได้ดี สิ่งที่สร้างรายได้ และสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อโลกหรือผู้อื่น ซึ่งก็ตรงกับแนวคิดของติ๊ก เจษฎาภรณ์ ที่เขามักจะให้สัมภาษณ์ไว้เสมอ

 

Tik Jesdaporn Pholdee

 

“เวลาผมเข้าป่า ผมมีความกระหายมากเลย ผมกระหายอยากที่จะเรียนรู้ อยากที่จะเดิน อยากที่จะดู อยากที่จะเห็น อยากที่จะได้ยิน อยากที่จะดมกลิ่น ป่าคือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ยิ่งสิ่งที่ได้ไปเจอเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยเห็น โอ้โห ผมมีความสุขกับมันมากเลย”

 

รายการ เนวิเกเตอร์ เทปสุดท้ายออกอากาศไปแล้วเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (8 เมษายน 2562) หลังจาก ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี ออกเดินทางในฐานะผู้ดำเนินรายการ เนวิเกเตอร์ รายการท่องเที่ยวผจญภัยเชิงอนุรักษ์ มาอย่างยาวนาน 14 ปีเต็ม

 

เป็นจำนวนปีบนเส้นทางอันสมบุกสมบัน ซึ่งมากพอจะให้สรุปออกมาเป็นบทเรียนและแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้รับรู้ว่าการทำในสิ่งที่รัก ผลของมันมักจะออกมายอดเยี่ยมเสมอ

“ในช่วงหนึ่งของชีวิต ผมอยากใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด ถ้าสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ผมรัก ผมชอบ ผมจะทำ ผมจะเดินทางไปหา คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ถ้าใครรู้ว่าตัวเองชอบอะไรก็ทำไปเลย ขออย่างเดียวว่า สิ่งที่ทำอย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น อย่าทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย แค่นั้นเอง”  

Tik Jesdaporn Pholdee

 

1. เนวิเกเตอร์และวิถีแห่ง ‘อิคิไก’

มีปรัชญาเรียบง่ายของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า ‘อิคิไก’ ถ้าถอดศัพท์ตามภาษา อิคิ (Iki แปลว่า มีชีวิต) และ ไก (Gai แปลว่า เหตุผล)

 

อิคิไกจึงเป็นคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่ใช้อธิบายถึงปรัชญาเรียบง่ายที่ว่าด้วย ‘จุดมุ่งหมายหรือเหตุผลของการมีชีวิตอยู่’ โดยบทความหลายแห่งมักจะอธิบายเชื่อมโยงถึง ‘อิคิไก’ ให้เห็นภาพผ่าน 4 จุดร่วมที่คล้ายคลึงกันคือ สิ่งที่รัก สิ่งที่ทำได้ดี สิ่งที่สร้างรายได้ และสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อโลกหรือผู้อื่น

 

เฉกเช่นเดียวกับ ‘วิถีชีวิตและอุดมการณ์’ ตลอด 14 ปี ของ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ที่ได้ลงมือทำให้เห็นผ่านรายการ เนวิเกเตอร์ นั้น ทำให้ผู้เขียนอดคิดไม่ได้ว่า เขาคืออีกหนึ่งคนที่ใช้ชีวิตในความหมายของ ‘อิคิไก’ ได้อย่างยอดเยี่ยมและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

 

2. การเลือกรับงานทีละชิ้น  

ผมเป็นคนแบบนี้มานานแล้วนะครับ ตั้งแต่เรียนจบ หนัง 2499 อันธพาลครองเมือง ออกฉาย ชีวิตผมก็ดำเนินไปอย่างนี้ตลอด มีน้อยครั้งมากที่งานแสดง 2 เรื่อง จะหลุดมาคาบเกี่ยวในเวลาเดียวกัน

 

มันอาจจะเป็นวิธีการทำงาน หรือวิธีการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะกับคนอื่นก็ได้ แต่บังเอิญว่า การทำแบบนี้มันเหมาะกับผม

 

ผมมักจะบอกเสมอว่า ผมไม่ใช่คนเก่ง ผมมีสมาธิรับงานได้ทีละเรื่อง เพราะวิธีการแสดงหรือการเปลี่ยนแปลงตัวเองในภาพยนตร์หรือละครแต่ละเรื่อง ผมก็ไม่อยากให้เหมือนกัน เพื่อป้องกันการสับสน ถ้าอย่างนั้นผมขอรับงานไปทีละเรื่องดีกว่า ส่วนหน้าที่ผู้ดำเนินรายการใน เนวิเกเตอร์ มันคืองานที่ผมถือว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัว ซึ่งเป็นงานที่ผมสามารถทำได้ตลอด  

 

3. แบ่งเวลาสำหรับงานและใช้ชีวิต

คนอื่นอาจจะคิดกันว่า เราควรทำงานให้มากๆ บางคนทำงานทั้ง 7 วัน แต่ผมอยากจะมีเวลาได้นั่งอ่านหนังสือ อยากจะเฝ้ามองต้นไม้ที่บ้านค่อยๆ เจริญเติบโต หรืออยากจะมีความหยุดเพื่อให้ได้ออกไปใช้ชีวิต ออกไปสัมผัสกับธรรมชาติบ้าง เงินเราก็อยากได้นะ แต่ก็เรายอมเสียมันไปบ้าง เพื่อแลกกับการได้ใช้ชีวิต

 

คนเราก็เท่านี้ ถ้าเกิดว่าเราไม่หาโอกาสออกไปมองดูสิ่งต่างๆ บนโลกบ้าง มันก็น่าเสียดายเวลาที่ผ่านไปแต่ละวันนะ

 

ในช่วงหนึ่งของชีวิต ผมอยากใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด ถ้าสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ผมรัก ผมชอบ ผมจะทำ ผมจะเดินทางไปหา คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ถ้าใครรู้ว่าตัวเองชอบอะไรก็ทำไปเลย ขออย่างเดียวว่าสิ่งที่ทำอย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น อย่าทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย แค่นั้นเอง

“ความวุ่นวายในธรรมชาติมันเป็นสิ่งที่ผมชอบ อย่างต้นไม้ใบหญ้าที่โดนลมแล้วมันโบกพลิ้วปลิวไปมา มีพายุฝน มีแดดออก หรือได้เห็นสัตว์ป่าวิ่งแตกตื่น ผมชอบแบบนั้น เพราะมันเป็นความวุ่นวายในความเงียบสงบ แต่ผมไม่ชอบความวุ่นวายในเมืองที่มีความเสียงดัง รถติด บีบแตร มีมลภาวะ บนท้องถนนมีคนเอาแต่ใจตัวเอง ดูแล้วรู้สึกไม่สงบ หัวใจเราไม่นิ่ง”

Tik Jesdaporn Pholdee

 

4. งานที่ตอบโจทย์ชีวิตและงานที่สร้างชีวิต

อย่างการทำรายการ เนวิเกเตอร์ ผมบอกอยู่เสมอว่า เราออกไปทำสิ่งที่สร้างสรรค์ เราไปทำในสิ่งที่ดีต่อประเทศชาติ ต่อเยาวชน คนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังของชาติ เราทำเพื่อให้เขามีมุมมองที่ดีต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เราทำดีนี่หว่า แล้วเราก็ชอบด้วย ถ้าอย่างนั้นก็ทำต่อไปสิ แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องแบ่งเวลาไปรับงานแสดงด้วย เพราะมันก็เป็นอีกงานที่สร้างชีวิตให้กับผมเหมือนกัน

 

5. อยู่กับธรรมชาติให้เป็นธรรมชาติ

ความวุ่นวายในธรรมชาติมันเป็นสิ่งที่ผมชอบ อย่างต้นไม้ใบหญ้าที่โดนลมแล้วมันโบกพลิ้วปลิวไปมา มีพายุฝน มีแดดออก หรือได้เห็นสัตว์ป่าวิ่งแตกตื่น ผมชอบแบบนั้น เพราะมันเป็นความวุ่นวายในความเงียบสงบ แต่ผมไม่ชอบความวุ่นวายในเมืองที่มีความเสียงดัง รถติด บีบแตร มีมลภาวะ บนท้องถนนมีคนเอาแต่ใจตัวเอง ดูแล้วรู้สึกไม่สงบ หัวใจเราไม่นิ่ง

 

ผมเป็นคนที่เข้ากับธรรมชาติได้ เข้ากับป่าได้ ทำความคุ้นเคยกับมันได้ เพราะเราก็เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่เข้าไปอยู่ในป่าผืนนั้น เลยไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นสิ่งแปลกปลอม

 

ผมรู้สึกว่าตัวเองอยู่กับธรรมชาติได้ดีกว่าคน แล้วความจริงถ้าสังเกตดูจะรู้ว่า ผมไม่ค่อยได้ไปงานสังคม เพราะเวลาไป บางทีผมก็ไม่รู้จะคุยอะไร ถ้าคุยเรื่องต้นไม้จะดีมาก (หัวเราะ)

 

Tik Jesdaporn Pholdee

 

6. อดีตหล่อหลอมตัวตนในปัจจุบัน

ถ้ามองกลับไป อดีตทุกอย่างมันทำให้เรามีปัจจุบันนะครับ ฉะนั้นถ้าเรามีพื้นฐานการดำรงชีวิตแบบไหน มันก็ส่งผลไปถึงอนาคตของเราด้วย

 

ผมเองถูกเลี้ยงให้เห็นธรรมชาติมาเยอะ ถูกเลี้ยงมาแบบลูกทุ่ง เลี้ยงจากการถูกตี เลี้ยงด้วยการไม่ได้ของเล่น ถึงได้ก็ได้ยากมาก ร้องไห้แทบตาย เพราะพ่อไม่มีสตางค์ซื้อให้หรอก พ่อให้ค่าขนมวันละไม่กี่บาท กว่าจะได้อะไรก็ต้องเก็บเงิน ซึ่งมันทำให้เราเรียนรู้ถึงการได้มา และเห็นถึงคุณค่าในสิ่งของต่างๆ ที่หามาได้ และถึงวันนี้ของบางอย่างเราจะหามาได้ง่ายขึ้น แต่เราก็ใช้มันอย่างเห็นคุณค่า

 

อย่างยุคปัจจุบันนี้เนี่ย ถึงมันจะมีความเจริญ สิ่งสวยงาม ยั่วยวน ล่อตาล่อใจเยอะ แต่ผมก็รู้ตัวเราเองว่าไม่ได้เคลิบเคลิ้มไปกับมัน ทุกวันนี้เราก็ยังมีความเป็นตัวตนของเราอยู่ เรายังอยู่ในที่มืด ไม่ต้องมีไฟก็ได้ เรายังพร้อมที่จะอดมื้อกินมื้อ และพร้อมเสมอที่จะไม่อยู่กับโทรศัพท์มือถือ ถ้ามีเหตุที่มันจะต้องไม่อยู่กับเรา

“ทุกวันนี้เราตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เพื่อรอให้ถึงวันหยุดกันหมด ส่วนวันหยุดของผมคือผมไม่ต้องไปไหน เพราะผมไปมาหมดแล้ว คือไปในวันที่คนอื่นเขาไปทำงานกัน เพียงแต่การไปของเรามันเหมือนการเที่ยวไปด้วยและทำงานไปด้วย”

Tik Jesdaporn Pholdee

 

7. เรื่องราวในชีวิตที่คนเป็นพ่ออยากจะเล่าต่อให้ลูกฟัง

ผมคงอยากจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับสัตว์ป่าเวลาที่ผมได้เดินทางไปเห็น ให้ใช้เวลาเป็นแรมวันแรมเดือนเฝ้ารอสัตว์ป่า เพื่อที่จะได้เห็น ได้ชื่นชมพวกเขาใช้ชีวิตตามธรรมชาติ แต่ก่อนที่ผมจะเล่าเรื่องสัตว์ป่าให้เขาฟังเนี่ย ผมต้องให้เขารักสัตว์ที่อยู่ใกล้ตัวก่อน สัตว์เลี้ยงต่างๆ อย่างหมา แมว เขาต้องรักมัน ไม่ใช่ว่าพอเห็นแล้วอยากจะหยิบอะไรมาปาใส่ ผมอยากเห็นเขาเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง และสัตว์เลี้ยงก็รู้สึกเป็นมิตรกับเขา  

 

8. ความสุขจากการได้ออกไปทำในสิ่งที่รัก

ทุกวันนี้เราตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เพื่อรอให้ถึงวันหยุดกันหมด ส่วนวันหยุดของผมคือผมไม่ต้องไปไหน เพราะผมไปมาหมดแล้ว คือไปในวันที่คนอื่นเขาไปทำงานกัน เพียงแต่การไปของเรามันเหมือนการเที่ยวไปด้วยและทำงานไปด้วย

 

สำหรับผมคงไม่มีอะไรที่จะทำให้มีความสุขได้เท่านี้อีกแล้ว เพราะการได้ออกไปทำในสิ่งที่เรารัก มันเหมือนกับว่าเราไม่ได้ไปทำงาน แต่มันคือการที่เราได้ออกไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองเป็น

“ตอนผมทำเนวิเกเตอร์ใหม่ๆ คนไม่เชื่อด้วยซ้ำไปว่า ติ๊ก เจษฎาภรณ์ จะมาทำรายการอย่างนี้เหรอ เข้าป่าไหวเหรอ ซึ่งผมก็ไม่ได้ต้องการไปคุยโม้โอ้อวดว่าสบายมาก เพราะผมเป็นคนแบบนี้เลย ผมปล่อยให้เวลาเป็นตัวบอกจะดีกว่า เพราะถ้าคนไม่รักไม่ชอบ ผมว่ามันไปได้ไม่กี่ครั้งหรอก”

Tik Jesdaporn Pholdee

 

9. ‘หัวใจ’ สำคัญคือสื่อสารจากสิ่งที่เป็นตัวเองมากที่สุด

ก่อนที่ผมจะทำ เนวิเกเตอร์  มีเวลาว่างผมก็ออกเดินทาง ออกไปผจญภัย ไปท่องเที่ยว เพียงแต่ไม่ได้ไปบ่อยถึงขนาดนี้ แล้วเวลาไปผมก็สนุกสนาน กลับมา ใครถาม ผมก็ชอบเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง แต่ผมคิดว่า แค่เล่าหรือถ่ายภาพกลับมา คนอื่นอาจจะยังเห็นภาพไม่ครบถ้วน สุดท้ายก็เลยจบที่ผมต้องไปทำรายการโทรทัศน์ให้เขาเห็น

 

อย่างน้อยการทำรายการ เนวิเกเตอร์ นอกจากคนดูจะได้เห็นธรรมชาติที่สวยงาม ได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ที่ผมและทีมงานหามานำเสนอ เขายังได้เห็นตัวตนจริงๆ ของ ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี อีกด้วย

 

คนอาจจะเห็นผมแต่ในมุมของงานการแสดง เป็นพระเอกภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ ที่บางทีก็เป็นนักเลงสุดหล่อ เป็นเพลย์บอยบ้านรวย เป็นหนุ่มสำอาง เป็นทหารแต่งตัวเท่ เป็นองครักษ์ผู้ภักดี ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภาพที่ดูดีไปหมด เพราะมันถูกเสริมเติมแต่งด้วยคาแรกเตอร์จากบทละคร ด้วยเมกอัพ หรือการจัดแต่งทรงผมที่ดูดีมีสไตล์

 

แต่ผมใน เนวิเกเตอร์ มันคือความดิบ ณ ตอนนั้นหน้าจริงผมเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นเลย (หัวเราะ) ซึ่งมันก็ทำให้คนได้เห็นว่าตัวตนจริงๆ ของเจษฎาภรณ์

“ในช่วงหนึ่งของชีวิต ผมอยากใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด ถ้าสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ผมรัก ผมชอบ ผมจะทำ ผมจะเดินทางไปหา คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ถ้าใครชอบหรือรักจะทำอะไรก็ทำไปเลย ขออย่างเดียวว่า สิ่งที่ทำอย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น อย่าทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย”

Tik Jesdaporn Pholdee

 

10. ทำให้ได้มากกว่าพูด และใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตน

ตอนผมทำรายการ เนวิเกเตอร์ ใหม่ๆ คนไม่เชื่อด้วยซ้ำไปว่า ติ๊ก เจษฎาภรณ์ จะมาทำรายการอย่างนี้เหรอ มาเข้าป่าไหวเหรอ ซึ่งผมก็ไม่ได้ต้องการไปคุยโม้โอ้อวดว่าสบายมากครับ เพราะผมเป็นคนแบบนี้เลย แต่ปล่อยให้เวลาเป็นตัวบอกจะดีกว่า เพราะถ้าคนไม่รักไม่ชอบอะไรแบบนี้จริง ผมว่ามันไปได้ไม่กี่ครั้งหรอก

 

ทุกที่ที่ไป ผมบอกได้เลยว่าโคตรเหนื่อย เหนื่อยมาก ไม่มีที่ไหนสบายเลย แล้วผมก็ไม่ได้ชื่นชอบความลำบากหรอกนะ แต่บังเอิญว่าเราต้องอยู่กับมันให้ได้

 

ฉะนั้นสิ่งที่ผมได้กลับมาจากการเดินทางคือ วิธีสังเกตเพื่อเอาตัวรอด อาจจะได้เรียนรู้จากคนในพื้นที่หรือเจ้าหน้าที่ว่าต้นนั้นคือต้นอะไร กินได้ไหม มีพิษไหม การผูกเปล สำหรับนอนควรจะเลือกทำเลแบบไหน ประสบการณ์ต่างๆ เหล่านี้มันเริ่มต้นจากการไม่รู้ มันเกิดจากการลองผิดลองถูก แล้วผมเป็นคนขี้สงสัย สงสัยอะไรก็ถาม ทุกวันนี้ผมเองก็ไม่ได้ทำถูกเสมอไป ยังทำมั่วๆ ซั่วๆ อยู่

“ผมบอกอยู่เสมอว่า เราไปทำสิ่งที่สร้างสรรค์นะ เราไปทำในสิ่งที่ดีต่อประเทศชาติ ต่อน้องๆ เยาวชนที่กำลังเติบโตขึ้นเป็นกำลังของชาติ เราสร้างมุมมองที่ดีต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เราทำดีนี่หว่า แล้วเราก็ชอบด้วย ถ้าอย่างนั้นก็ทำต่อไปสิ”

Tik Jesdaporn Pholdee Tik Jesdaporn Pholdee

 

11. ประสบการณ์ การเดินทาง คุณค่าที่ตีเป็นราคาไม่ได้

มันคุ้มค่ามากนะ มันคือประสบการณ์นะครับ

 

ผมเดินทางไปทำรายการ ออกไปตากแดด ตากฝน ตากลม ตัวดำ ร่างกายทรุดโทรมกลับมาบ้าน แต่ต้องเข้าใจว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้พอเราพักฟื้น ร่างกายมันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ผมหน้าโทรม สิวเขรอะ หมอช่วยให้ผมหายเป็นสิวได้ แต่ไม่มีใครสามารถช่วยให้ผมไปอยู่ในพื้นที่ได้นอกจากตัวผมเอง

 

ในช่วงหนึ่งของชีวิต ผมอยากใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด ถ้าสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ผมรัก ผมชอบ ผมจะทำ ผมจะเดินทางไปหา คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ถ้าใครชอบหรือรักจะทำอะไร ก็ทำไปเลย ขออย่างเดียวว่า สิ่งที่ทำอย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น อย่าทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย แค่นั้นเอง ที่เหลือเราก็เป็นตัวของตัวเอง ไม่หนักหัวใคร

 

ผมบอกอยู่เสมอว่า เราไปทำสิ่งที่สร้างสรรค์นะ เราไปทำในสิ่งที่ดีต่อประเทศชาติ ต่อน้องๆ เยาวชนที่กำลังเติบโตขึ้นเป็นกำลังของชาติ เราสร้างมุมมองที่ดีต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เราทำดีนี่หว่า แล้วเราก็ชอบด้วย ถ้าอย่างนั้นก็ทำต่อไปสิ

 

Tik Jesdaporn Pholdee

 

12. ‘มุมมอง’ ที่ได้เรียนรู้จากชีวิตในป่า

ผมอยากให้มุมมองในเรื่องของการเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส อย่างปกติเราอยู่บ้าน อยู่ตามอาคาร เปิดโทรทัศน์ เปิดแอร์เย็นสบาย แต่พอไฟดับปุ๊บ หลายคนก็มักจะออกมาโวยวาย รีบเช็กเบอร์ โทร.ตามการไฟฟ้ามาซ่อมให้เร็วที่สุด แต่ในมุมมองของผม ถ้าไฟดับเราก็ลองออกมายืนนอกบ้านดูสิ มองดูท้องฟ้า คุณเห็นดวงดาวไหม คุณเห็นพระจันทร์ไหม เราสามารถจะมองหามุมดีๆ ที่จะทำให้เกิดความสุขจากสถานการณ์ตรงนั้นได้ หรือไม่ก็ลองอยู่แบบมืดๆ กับคนในครอบครัวดูสิ ลองมองดูสิ่งต่างๆ ในอีกมุมมองแล้ว ก็หาเรื่องคุยกัน อย่าไปใจร้อน

 

สิ่งต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นจากประสบการณ์เดินป่าของผม ผมอยู่ในที่มืดจนชิน เพราะเวลาอยู่ในป่าตอนกลางคืน มืดมันคือมืดจริงๆ ซึ่งเราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ บางคนพอมืดปุ๊บ ถ้าไม่มีสติหน่อยจะเริ่มกลัว ได้ยินเสียงอะไรนิดหน่อย ก็คิดไปว่าเป็นผีหรือเปล่า หรือไม่ก็คิดว่าจะมีสัตว์ป่ามาทำร้าย สิ่งต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นมาจากจินตนาการของเราล้วนๆ ฉะนั้นเพียงแค่เรามีสติ สังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัวให้ดี ฟังเสียงจิ้งหรีดจากตรงนั้น มีแสงจากหิ่งห้อยอยู่ตรงโน้น แถมมีเสียงน้ำตกอยู่ไกลๆ

 

สติจะทำให้เราเปิดประสาทสัมผัสได้มากขึ้น  

 

13. ป่าฮาลา-บาลา ฝันที่ยังไปไม่ถึง

ป่าฮาลา-บาลา อำเภอเบตง จังหวัดยะลา คือที่ที่ผมยังไม่ได้ไป เพราะนอกจากจะไปยาก ไหนจะสถานการณ์ต่างๆ ทางภาคใต้อีก ในการเดินทาง เราก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย ซึ่งป่าฮาลา-บาลาเนี่ย คือพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ มีนกเงือกหลากหลายชนิด และเป็นนกเงือกพันธุ์ที่หายาก ใกล้สูญพันธุ์ แต่คิดว่าสักวันจะไปให้ได้

 

Tik Jesdaporn Pholdee

 

14. บทสรุป

ทุกการเดินทางล้วนแล้วแต่มีจุดสิ้นสุด ในวันที่ เนวิเกเตอร์ เดินทางมาถึงเทปสุดท้าย นั้นก็ให้นึกถึงคำถามที่ครั้งหนึ่งผู้เขียนเคยถามเขาว่า “เคยตั้งนาฬิกาไว้บ้างไหมว่า ชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งจะใช้ชีวิตแบบลุยอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ไปจนถึงเมื่อไร” เขายิ้มนิ่งๆ แววตายังคงเป็นประกายเหมือนคำถามแรก นับตั้งแต่เราเริ่มต้นนั่งขัดสมาธิคุยกัน  

ผมเคยคิดเหมือนกัน แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไร แต่ผมคิดเอาไว้อยู่แล้วว่า ช่วงเวลาที่คนเราจะสามารถทำอะไรอย่างที่ผมทำอยู่แบบนี้ มันอยู่ได้ไม่นานหรอก จะให้ไปเดินป่ายันแก่ก็คงทำไม่ได้ สักวันพอชีวิตแบบนี้เริ่มอิ่มตัว เดี๋ยวมันก็คิดได้ว่า ตัวเองควรไปทำอะไรต่อ   

 

เนวิเกเตอร์  เทปสุดท้ายได้ออกอากาศไปในวันนี้ แต่เชื่อเถอะว่า “การสิ้นสุดของสิ่งหนึ่ง คือการเริ่มต้นของสิ่งใหม่เสมอ” และอีกไม่นานผู้เขียนเชื่อว่าแฟนๆ จะต้องได้เห็นผลงานใหม่ที่เกิดขึ้นจากอุดมการณ์และความรักของเขาอีกอย่างแน่นอน

 

Tik Jesdaporn Pholdee

 

ขอบคุณภาพจาก

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising