×

THE TOYS – ธันวา บุญสูงเนิน เมทัลร็อกสนองนี้ด กับชีวิตในวงการเพลงที่เดินทางมาแล้ว 66 เปอร์เซ็นต์

26.11.2022
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • THE TOYS (ทอย-ธันวา บุญสูงเนิน) เพิ่งเปิดตัวอัลบั้มไซด์โปรเจกต์ 6667 ที่มาในคอนเซปต์เมทัลร็อกไปเมื่อไม่นานนี้ ทอยประเดิมเพลงแรกด้วย งูงู้ (SNAKE) ซึ่งถือเป็นการพลิกแนวทางดนตรีที่แฟนเพลงคุ้นชินมานับตั้งแต่เขาเปิดตัวกับค่าย What The Duck ด้วยเพลงเด่นก่อนหน้านี้อย่าง ลาลาลอย, หน้าหนาวที่แล้ว, ก่อนฤดูฝน, 04:00, อาหมวยหาย ฯลฯ
  • ทอยเล่าว่าชื่ออัลบั้มไซด์โปรเจกต์ 6667 มีที่มาจากเลขห้องที่เขาเคยอยู่ตอนอายุ 12 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มฟังเพลงเมทัล อีกทั้งยังเป็นเลขทะเบียนรถคันเก่าของพ่อ และเมื่อถูกถามว่าทำไมถึงเลือกทำเมทัลร็อกในช่วงนี้ของชีวิต เขาก็อธิบายให้ฟังว่า “ด้วยเวลาแบบนี้ อากาศแบบนี้ ทำให้ผมอยากทำ ทุกอย่างเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เหมือนเราหาหัวใจของมันเจอ ก็เลยอยากทำ”
  • “อัลบั้มเก่าของผมตั้งชื่อว่า Sun ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเพลง แต่เกี่ยวกับตอนพระอาทิตย์ขึ้น ผมรู้ตัวว่าวันหนึ่งจะทำเพลงจนรู้สึกไม่สนุกอีกต่อไปแล้ว วันนั้นจะใช้ชื่ออัลบั้มว่า Moon คิดเผื่อไว้แบบนี้ตั้งแต่แรก ก็เลยคิดว่าอัลบั้ม 6667 น่าจะเป็น 65-66% ของหนังแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่า Moon จะมาถึงเมื่อไร เพราะยังมีสิ่งที่อยากนำเสนออีกเยอะ เพียงแต่เมื่อถึงแล้วองค์ประกอบต่างๆ จะกลั่นตัวของมันเอง”

THE TOYS – ธันวา บุญสูงเนิน วางแผนมาตั้งแต่ต้นว่าอัลบั้มแรกของเขาจะใช้ชื่อว่า Sun แทนความหมายของการเริ่มต้น ก่อนจะปิดฉากอัลบั้มสุดท้ายในชีวิตด้วยคำว่า Moon

 

ถึงแม้ว่าจันทร์ดวงนั้นยังมาไม่ถึง แต่ในขณะที่เราคุยกับทอย คือวันที่เขาทำอัลบั้มไซด์โปรเจกต์ 6667 กับผลงานเพลงเมทัลร็อกแบบเต็มเพลงเป็นครั้งแรก ซึ่งทอยบอกว่าเขาเดินทางมาถึง 66 เปอร์เซ็นต์ของชีวิตนักดนตรีแล้ว

 

นี่คือหนึ่งเรื่องที่เราจะคุยกับเขา รวมถึงการเติบโตบนเส้นทางสายดนตรี ทั้งความสุข ความทุกข์ จนถึงชีวิตของผู้ชายธรรมดาที่บอกว่าตัวเองเป็น Introvert ชอบการลงทุน นอนตื่นสาย เคยคิดเรื่องวันสุดท้ายของชีวิต และที่บางครั้งหลายคนบอกว่าเขาพูดไม่รู้เรื่อง ก็เพราะไม่รู้จะพูดอะไร

 

แต่เชื่อเถอะว่าวันนี้ทอยมีหลายเรื่องมาบอกและอยากเล่าให้คุณฟัง

 

 

ทอยสบายดีไหม

ดีครับ แฮปปี้ดี ช่วงนี้งานเยอะ เหนื่อย แต่เป็นเหนื่อยที่ดี

 

แล้วเหนื่อยที่ไม่ดีเป็นยังไง

เหนื่อยที่ไม่มีรางวัลรออยู่ ไม่มีเป้าหมาย เหมือนช่วงหนึ่งที่ผมหยุดงานไป 2 ปี แล้วไปเล่นเกม มันเป็นการพักผ่อนนะ แต่ไม่มีเป้าหมาย เหนื่อยแบบนั้นไม่ดี ไม่เกิดประโยชน์อะไร

 

ถ้าอย่างนั้นเป้าหมายในวันนี้คือ

อยากทำในสิ่งที่ตอนเด็กๆ ไม่ได้ทำ ผมมีเช็กลิสต์ไว้ อย่างเพลงเมทัลร็อกที่อยากทำมานานแล้วหรือเรื่องเติมเกม สมัยก่อนขอแม่เติมเกม 89 บาท ยังไม่ได้เลย ตอนนั้นแม่บอกว่าเอาเงินไปกินกะเพราได้ตั้งหลายจาน ก็เลยเก็บกด พอวันหนึ่งมีเงินก็เลยเติมเกมเอง เติมที 7-8 ล้านบาท เหมือนที่เคยเล่าไปแล้ว

 

หรือตอนอายุ 11 ปี เห็นซูเปอร์คาร์บนถนนก็อยากได้ แต่ไม่มีเงินซื้อ ผมชอบเล่นเกมรถแข่งมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วย จำได้ว่ารถพวกนี้เจ๋งและโกงมาก เพราะวิ่งเร็วกว่าคันอื่น พอมีรายได้ก็ซื้อเอง

 

เหมือนเกิดจากความแค้น

ใช่ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้แม่ไม่ด่าแล้ว เพราะรู้ว่าเราไม่ได้สนองนี้ดอย่างเดียว แต่วางแผนเรื่องการลงทุนด้วย อย่างเวลาซื้อรถก็เลือกคันที่วันนี้ราคายังจับต้องได้แต่มีโอกาสจะเป็นรุ่นหายากในอนาคต ซึ่งเป็นหลักทั่วไปของการลงทุน แต่ผมไม่ได้มองแค่ด้าน Financial ถ้าคิดแบบนั้นก็อาจจะซื้อที่ดินติดทะเลเก็บไว้แล้วไม่ทำอะไรกับมัน แต่พอเป็นซูเปอร์คาร์กำไรมันสองเด้ง คือสนองนี้ดและได้ขับด้วย

 

เคยเหยียบหนักสุดเท่าไร

โห… พูดได้เหรอ (ทอยหันไปมองพีอาร์ค่าย) เป็นตัวเลขที่บอกไม่ได้ แต่ปกติไม่ได้ขับเร็วขนาดนั้น ขับเอาฟีลเฉยๆ ชอบขับรถไปไกลๆ เช่น ไปหัวหินกับครอบครัว

 

 

กลับมาที่เพลงเมทัลร็อก เริ่มฟังเพลงแนวนี้ตั้งแต่อายุเท่าไร

สมัยเรียนมัธยมต้นเพลงแรกที่ฟังคือ คนบนฟ้า ของ Retrospect ตอนนั้นรู้สึกว่าเพลงไทยมีแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย เจ๋งมากเลย ต่อด้วย Sweet Mullet และก็อีกหลายวง หลังจากนั้นก็ลองทำเพลงเมทัลร็อกทั้งที่ตอนนั้นอุปกรณ์ก็ไม่มี ยืมกีตาร์จากเพื่อน ใช้คอมพิวเตอร์ของพ่อ แต่ไม่รอด เพราะยังคิดและเรียบเรียงไม่เป็น ไม่รู้ว่าต้องคิดไลน์กีตาร์แบบไหน ทำอย่างไรถึงจะได้เพลงเมทัล พอวันนี้เลยอยากทำสนองนี้ดตัวเอง

 

แก้ปมในอดีตอีกแล้ว

ใช่ จะเรียกว่าเป็นการแก้เกมที่ตอนเด็กเล่นไม่ผ่านก็ได้ ชื่ออัลบั้ม 6667 ก็มาจากเลขห้องที่ผมเคยอยู่ตอนอายุ 12 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มฟังเพลงเมทัล แล้วยังเป็นเลขทะเบียนรถคันเก่าของพ่อด้วย แต่พ่อขายรถคันนี้ไปแล้วนะ

 

ทำไมถึงเลือกทำเมทัลร็อกในช่วงนี้ของชีวิต

ไม่รู้เหมือนกัน… ถ้าให้อธิบายก็คงบอกว่า ด้วยเวลาแบบนี้ อากาศแบบนี้ ทำให้ผมอยากทำทุกอย่างให้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เหมือนเราหาหัวใจของมันเจอ ก็เลยอยากทำ

 

แล้วหัวใจของดนตรีแนวนี้คืออะไร

สำหรับผมคือจังหวะของกลอง ซาวด์กีตาร์ การนำเสนอที่ตรงไปตรงมา และความรุนแรงบางอย่าง

 

 

พอบอกค่ายเพลงว่าจะทำเพลงเมทัลร็อก ค่ายบอกว่า

เอาเลย ทำกัน โชคดีที่ค่าย What The Duck เข้าใจศิลปินทุกแขนงว่าสิ่งนี้คือศิลปะ ไม่จำเป็นว่าอัลบั้มก่อนหน้านี้เคยเป็นแบบไหน โอเคมันอาจจำเป็นในแง่ Strategy บางอย่าง แต่ถ้าศิลปินมั่นใจ เขาก็เห็นด้วย ทุกอย่างจึงสดมาก ในขณะที่เรานั่งสัมภาษณ์กันอยู่ (กลางเดือนตุลาคม 2565) เพลงที่สองยังไม่เสร็จเลย ก่อนออกจากบ้านผมยังกดคอมพิวเตอร์ทำเพลงอยู่เลย แต่ไม่ถึงขนาดไม่มีไทม์ไลน์นะ มีแผนประมาณ 50% แล้วก็ Improvisation อีก 50% โดยที่เรามีหน้าที่พามันไปให้ถึงฝั่งในเวลาที่กำหนดให้ได้

 

กระบวนการทำเพลงเมทัลร็อกเหมือนหรือแตกต่างจากอัลบั้มก่อนๆ

ค่อนข้างคล้ายกัน ผมจะหยิบเพลงจากภาพก่อน ถ้าสังเกตเพลงเก่าๆ ของผมจะเป็นแบบนั้น เช่น ดอกไม้ กระจก ฝน หนาว มันต้องมีภาพใหญ่ก่อน หรือเพลงแรกในอัลบั้มนี้อย่าง งูงู้ (SNAKE) ก็เกิดจากเห็นงู แล้วชอบความสวยงามของมัน พออยากเล่าก็หาวิธีเปรียบเทียบ เช่น ถึงงูจะสวยแต่มีพิษถึงตาย จนกลายเป็นเพลงนี้ขึ้นมา

 

ในวันนี้ที่กำลังทำเพลงเมทัลร็อก ทอยฟังเพลงอะไรอยู่บ้าง

ผมฟังเพลงค่อนข้างหลากหลาย ไม่มีตายตัวว่าต้องแจ๊สหรือร็อก ผมฟังไปเรื่อย แต่มันจะมีหัวใจอยู่นิดหนึ่งคือเพลงนั้นต้องครบด้วยองค์ประกอบที่น่าสนใจ เช่น EDM จะมีองค์ประกอบจากแจ๊ส ถ้าเป็นเมทัลจะมีจังหวะหนักๆ ผมฟังเพลงด้วยเหตุผลนี้มากกว่าฟังเพราะเนื้อหาหรือแนวเพลง ผมสามารถฟัง X Japan หรือ Jacob Collier ตอนไหนก็ได้ เพราะไม่ได้ฟังเพื่อความเพลิดเพลิน แต่ฟังเพราะอยากศึกษา เพื่อเสพศิลปะ

 

 

ทอยเคยเล่าว่าชีวิตในวงการเพลงเหมือนภาพยนตร์ อัลบั้มแรกๆ เป็นช่วงอินโทร ก่อนที่เรื่องราวจะดำเนินไปถึงตอนจบกับอัลบั้มเมทัล คิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เดินทางมาถึงไหนแล้ว

(ทอยใช้เวลาคิดสักพักหนึ่ง) น่าจะ 66% ของหนังแล้ว

 

เท่ากับผ่านครึ่งทางมาแล้วนะ

ใช่ อัลบั้มเก่าของผมตั้งชื่อว่า Sun ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเพลง แต่เกี่ยวกับตอนพระอาทิตย์ขึ้น ผมรู้ตัวว่าวันหนึ่งจะทำเพลงจนรู้สึกไม่สนุกอีกต่อไปแล้ว วันนั้นจะใช้ชื่ออัลบั้มว่า Moon คิดเผื่อไว้แบบนี้ตั้งแต่แรก ก็เลยคิดว่าอัลบั้ม 6667 น่าจะเป็น 65-66% ของหนังแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่า Moon จะมาถึงเมื่อไร เพราะยังมีสิ่งที่อยากนำเสนออีกเยอะ เพียงแต่เมื่อถึงแล้วองค์ประกอบต่างๆ จะกลั่นตัวของมันเอง

 

เป็นไปได้ใช่ไหมกับคนที่รักดนตรีมากๆ พอวันหนึ่งจะรู้สึกไม่สนุกกับมันอีกแล้ว

มันเป็นไปได้กับผมแน่นอน เหมือนเราศึกษาอะไรมากๆ จนไม่สนุกแล้ว คือใช่การเรียนไม่มีทางสิ้นสุด มันแค่เราไม่สนุกแล้ว พอถึงวันนั้นก็ต้องหาสิ่งที่สนุกใหม่ทำแค่นั้นเอง

 

เคยคิดไหมว่าความสนุกใหม่ๆ จะมีอะไรบ้าง

มีหลายอย่างนะ ที่คิดว่าจะทำสุดโต่งเหมือนดนตรี อันดับแรกคงวิ่งไปหาการลงทุน จริงๆ ก็เริ่มแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาศึกษามากขนาดนั้นเพราะใช้เวลาตอนนี้ทำงานเพลงเยอะ หรือในอนาคตอาจทำธุรกิจสนองนี้ดขำๆ สักอย่าง อาจเป็นร้านไอศกรีมก็ได้ ผมยังไม่รู้เหมือนกัน

 

ทำไมถึงชอบการลงทุนครับ

น่าจะเป็นเพราะว่า… ผมไม่ได้อยากตื่นเช้า มันไม่สนุกเท่าไร สำหรับผมนะ (หัวเราะ) คือการเป็นนักลงทุนเมื่อจัดการกับมันจนเกิด Passive Income ได้แล้ว เราก็ไม่ต้องตื่นเช้า คิดแค่นั้นเอง

 

 

ตลอดระยะเวลา 10 ปีในการทำงานเบื้องหลังและเบื้องหน้า สิ่งที่ชอบที่สุดของงานนี้คืออะไร

ชอบการได้ควบคุมงานศิลปะ เวลาได้ควบคุมงานเพลงของตัวเอง รวมถึงตอนทำให้คนอื่น เหมือนเราได้สร้างศิลปะจริงๆ ได้จับต้องทุกวิธีการที่มันกำเนิดขึ้นในแต่ละเส้น แต่ละจุด อันนี้คือฟินมาก

 

ถ้าพูดตรงไปตรงมาก็คือสิ่งที่ชอบที่สุดไม่ใช่การร้องเพลงบนเวที แต่เป็นการทำเพลง

ใช่ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นนักร้อง ผมมีความสุขกับการสร้างศิลปะมากกว่า แฮปปี้กับเรื่องนี้มากกว่าหลายเท่า คือร้องเพลงก็สนุกอีกแบบ แต่ผมรู้ตัวว่าเป็น Introvert ไม่รู้จะคุยกับคนได้เข้าใจขนาดนั้นไหม แต่ก็พยายามเทกแคร์แฟนเพลงเท่าที่จะทำได้โดยที่ไม่ฝืน

 

ในมุมกลับกัน เรื่องที่ไม่ชอบที่สุดคือ

ชีวิตที่… วุ่นวายขึ้นมั้ง ผมว่าทุกคนควรมีพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่แค่ผมหรอก ศิลปิน ดารา หรือคนที่มีชื่อเสียงก็น่าจะต้องการอะไรแบบนั้น คนที่รับมือได้ก็ดี แต่กับคนที่เป็น Introvert เหมือนผม ไม่รู้ว่าเขาทำกันอย่างไร

 

แล้วทอยทำอย่างไร

ผมไม่ค่อยออกจากบ้าน (ยิ้ม) เหมือนไม่ได้เกิดมาเป็นดาราหรืออะไรแบบนั้น ตอนนี้รู้สึกชินขึ้นนะ ชีวิตเป็นแบบนี้ไปแล้ว แต่ข้างในยังรู้สึกเหมือนเดิม

 

สิ่งที่ทำให้มีความสุขและอยากตื่นขึ้นมาทำงานคืออะไร

การได้พิสูจน์มั้งว่าศิลปะที่เราสร้างมีค่ากับมนุษย์

 

แสดงว่าทอยก็ต้องได้เห็นว่างานที่ทำได้สร้างคุณค่าให้กับคนอื่น

ใช่ จริงๆ ผมอ่านคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดียน้อยมาก อ่านก็ไม่ได้เก็บมาคิดต่อ แต่เห็นจากการไปเล่นดนตรีแล้วมีคนมาฟังเพลงของเรามากขึ้น มีคนร้องตามได้ นั่นแปลว่าศิลปะของเราต้องมี Value อยู่บ้าง เขาต้องได้อะไรดีๆ จากมันสักอย่าง นั่นคือสิ่งที่เราแฮปปี้

 

รวมถึงการได้ทำงานกับคนเก่งๆ ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ศิลปินคนนี้โตมาแบบนี้ ซึมซับเรื่องเพลงมาแบบนี้ ทุกครั้งที่คุยกันผมจะได้อะไรใหม่ๆ และหวังว่าเขาจะได้อะไรใหม่ๆ ด้วย (หัวเราะ)

 

ยกตัวอย่างคนที่ทอยคุยด้วยแล้วได้เพิ่มองศาความคิดใหม่ๆ หน่อย

พี่นะ Polycat (รัตน จันทร์ประสิทธิ์) คือคนที่เก่งมาก เก่งมากจริงๆ เวลาคุยด้วยจะรู้สึกเหมือนได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมดนตรี ประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา ทุกมุมของการทำงานเลย

 

โบกี้ (พิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ) ก็เก่งและมีแนวคิดที่เป็นของตัวเองมากๆ ทั้งการใช้ชีวิตและทำเพลง คุยกับโบกี้แล้วเหมือนได้เห็นสีใหม่ๆ เวลาให้สัมภาษณ์พร้อมกันผมอยากให้โบพูดเยอะๆ มันตลกดี (หัวเราะ)

 

สิ่งที่ทอยมักพูดเสมอคือตัวเองไม่ใช่นักดนตรีที่เก่ง

ใช่ ผมไม่ได้เก่งอย่างที่หลายคนเข้าใจ ถ้าใครสักคนบอกแบบนั้นผมจะคิดว่าจริงเหรอ เก่งมันคือจุดไหน มันไม่มีอะไรที่ชี้วัดได้ สำหรับผมคนเก่งคือคนที่แม่นมากๆ ทั้งเรื่ององค์ประกอบของเพลง การตลาด ภาพรวม อะไรแบบนั้น แล้วความเก่งก็มีขึ้นมีลง โลกมันหมุนไป เราอาจจะเก่งน้อยลงก็ได้

 

 

ชีวิตที่ไม่ฟังเพลง ทำเพลง ร้องเพลง และไม่ได้นอน ทอยทำอะไร

เล่นเกม (หลังจากเงียบเพื่อรอฟังทอยเล่าต่อ ทอยจึงถามว่า “เอาอีกไหม”)

 

เอาอีกสิ

เดินขึ้นลงบันได

 

มันเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

(ทอยคิดอีกพักหนึ่ง) ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ แค่อยู่บ้าน

 

เรารู้ว่าทอยมีแฟนที่คบกันมาหลายปี ความรักในวันนี้เป็นยังไง

ดีครับ ตอนนี้ผมคิดเรื่องงานเป็นหลัก คิดถึงเรื่องอนาคตมากๆ ไม่ใช่แค่มีเงินนะ แต่เป็นความมั่นคงหลายๆ อย่างด้วย เขาก็น่าจะคิดแบบเดียวกัน

 

วันหนึ่งเราจะเห็นทอยเป็นคุณพ่อไหม

ไม่รู้เหมือนกัน… ผมอยากเป็นคนที่ Mindset แข็งแรงกว่านี้ จะมีลูกเมื่อพร้อม ไม่ได้พร้อมทางการเงินนะ แต่พร้อมทาง Mindset ที่มั่นใจแน่ๆ ว่าลูกเราจะต้องเก่งและเป็นคนดี

 

ทอย ธันวา ร้องไห้กับเรื่องอะไรบ้าง

หลายเรื่องนะ ดีใจมากๆ ก็ร้อง อย่างตอนทำอีพีแรกตั้งแต่ก่อนจะมาอยู่ค่าย ชื่ออัลบั้มว่า I Beg Your Pardon ซึ่งผมไม่ได้ตั้งเป้าให้เป็นเพลงที่คนรู้จัก ทำเพื่อสนองนี้ดตัวเอง แต่พอขึ้นเวทีกลายเป็นว่ามีคนร้องตามได้ ผมก็เลยร้องไห้บนเวทีเลย ร้องอยู่หลายรอบด้วย (ยิ้มเขินๆ) แต่ถ้าเป็นเรื่องเสียใจจะไม่ค่อยร้องไห้ ผมจะคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น มันมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ทำไมเราถึงเสียใจ

 

เคยคิดถึงวันสุดท้ายของชีวิตไหมว่าถ้าพรุ่งนี้ตายวันนี้จะทำอะไร

เคยคิด (ยิ้มพร้อมตอบทันที) วันสุดท้ายไม่อยากทำอะไรเลย แค่อยากทำบุญ สมมติโลกหน้ามีจริงจะได้สบาย (หัวเราะ) ที่ผ่านมาก็ทำบุญตลอด ทำหนักอยู่นะ จริงๆ เรื่องชาติหน้าเป็นส่วนหนึ่ง แต่วันนี้เรามีแล้วก็ต้องแบ่ง กระจายไปสู่สิ่งที่ทำได้ เพราะตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้อยู่ดี

 

ถ้าย้อนเวลาไปบอกเด็กชายธันวาในห้อง 6667 ได้ว่าชีวิตต่อไปจะเจอเรื่องอะไรบ้าง อยากแนะนำเด็กคนนั้นว่า

(ทอยก้มหน้าคิดอยู่พักใหญ่) ไม่มีอะไรจะพูดเลย ไม่รู้จะบอกอะไร อยากให้เจอเอง แต่คิดว่าสิ่งที่เจอมันดีกว่าไม่ดีนะ มันเป็นเหนื่อยที่โอเค

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X