จากเวทีเสวนา THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 ในหัวข้อ ‘EDGE OF TOMORROW เศรษฐกิจไทยบนปากเหว’ เศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI มองว่า ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาทุกประเทศเผชิญกับวิกฤตโควิด และเราสามารถบริหารจัดการได้ดีในระดับหนึ่ง ทำให้เราไม่ได้เสียเปรียบนัก
“บังเอิญเป็นความโชคดีว่าทุกคนโดนหมด ไม่ใช่วิกฤตของไทยประเทศเดียว แต่หลังจากโควิดจบลงเราไม่ได้ขยับตัวเร็ว ปัญหาหนักสุดในปัจจุบันคือเรื่องปากท้อง ทุกคนไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ เชื่อว่าเศรษฐกิจจะเป็นเรื่องชูโรงสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป”
ส่วนเรื่องที่สำคัญมากกว่าคือเรื่องความเหลื่อมล้ำ ซึ่งหยั่งลึกไปในสังคมไทย เช่น การเอื้อกลุ่มทุน หากไม่แก้ไขจะทำให้ประเทศเสียเปรียบ หนึ่งในแนวทางการแก้ปัญหาคือการจัดเก็บภาษีให้ถูกต้องและทั่วถึง ต้องเก็บจากกลุ่มคนที่ถูกต้อง ผู้ที่มีรายได้สูงควรถูกจัดเก็บมากขึ้น มีภาษีหลายส่วนที่ต้องพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ เช่น ภาษีส่วนต่างการขายหุ้น ภาษีมรดก ภาษีความมั่งคั่ง ภาษีที่ดิน เป็นต้น
“ผู้นำประเทศต้องกล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจ การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เสมอภาค ไม่เท่าเทียม แม้จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไรปัญหาเหล่านี้ก็ไม่ได้ถูกแก้ไข เป็นปัญหาของความเหลื่อมล้ำที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทุกคนมีส่วนที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้”
นอกจากนี้เรื่องของภาวะผู้นำก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการที่ผู้นำควรจะต้องกล้าออกไปติดต่อการค้ากับนานาประเทศ ไม่ใช่แค่รอเจรจาในช่วงที่จะมีการประชุมเพียงอย่างเดียว
“ถ้าดูจากคู่แข่งอย่างเวียดนามหรืออินโดนีเซีย เขาได้เปรียบเราเพราะผู้นำกล้าที่จะออกไปติดต่อเรื่องการค้า”
เศรษฐากล่าวต่อว่า หนึ่งในประเด็นที่ประเทศไทยควรจะหันกลับมาพิจารณาคือการโฟกัสการลงทุนในจุดแข็งของไทย เช่น เรื่องเกษตรกรรม หากเราสามารถบริหารจัดการได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลิต การแปรรูป การบริหารจัดการน้ำให้ไม่แล้ง ไม่ท่วม เชื่อว่า 80% ของการลงทุนเช่นนี้จะย้อนกลับมาสู่ GDP ของประเทศ
ในมุมกลับกัน การลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานบางอย่าง เช่น รถไฟความเร็วสูง อาจจะเป็นไปได้ว่า 80% ของเงินลงทุนจะไปส่งผลต่อ GDP ของประเทศที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี
ในแง่ของการบริหารจัดการเศรษฐกิจ เชื่อว่าวินัยด้านการเงินและการคลังยังเป็นสิ่งสำคัญมาก การใช้นโยบายประชานิยม เช่น การประกันราคาสินค้า ควรจะทำเมื่อจำเป็นจริงๆ ไม่ควรทำเพราะเพียงต้องการคะแนนนิยม การจัดทำงบประมาณต้องอธิบายได้ว่าจะนำเงินมาจากแหล่งใด
ขณะเดียวกันเรื่องการย้ายออกนอกประเทศของคนรุ่นใหม่ ต้องวางนโยบายที่ดึงคนกลุ่มนี้ให้กลับมาช่วยกันพัฒนาประเทศ เพราะคนที่ออกไปคือคนที่มีศักยภาพ จะทำอย่างไรให้คนกลุ่มนี้อยากอยู่ในไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเสรีภาพในการเลือก การให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม แต่บางเรื่องที่เป็นเรื่องอ่อนไหว เราอยู่ในสังคมที่ไม่ได้มีแค่คนรุ่นใหม่ การอยู่ร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญ
“ตรงนี้เป็นหน้าที่ของพรรคการเมือง ต้องพูดให้ชัดเจนว่าจุดยืนในด้านต่างๆ เป็นอย่างไร ทั้งเรื่องการเมือง เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องสังคม ปีหน้าจะเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย ถ้าศึกษานโยบายให้ดี ออกมาเลือกตั้งให้เยอะ ให้เป็นอภิมหาแลนด์สไลด์จะยิ่งชัดเจน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ความท้าทาย ‘ เศรษฐกิจไทย ปี 2566 ’ กับการปรับตัวของภาคธุรกิจ
- ฉวยจังหวะค่าเงินอ่อน ส่องโอกาสลงทุนหุ้นโลก สร้างพอร์ตเติบโตระยะยาว
- ‘ส่วนต่างรายได้’ กับนโยบายรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ
