*หมายเหตุ: บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ The Sea Beast*
The Sea Beast คือภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องล่าสุดจากฝีมือการกำกับของ Chris Williams หนึ่งในผู้กำกับร่วมจาก Big Hero 6 (2014) และ Moana (2016) ที่เข้าฉายทาง Netflix เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ภาพยนตร์จะพาผู้ชมเดินทางสู่โลกเหนือจินตนาการ เมื่อท้องทะเลอันกว้างใหญ่มีเหล่าอสูรทะเลอาศัยอยู่ และคอยออกโจมตีนักเดินเรือต่างๆ จนเสียหาย จึงได้เกิดอาชีพนักล่าที่คอยกำราบอสูรทะเลขึ้น จนทำให้พวกเขาถูกยกย่องให้เป็นวีรบุรุษแห่งท้องทะเล
วันหนึ่ง Maisie (Zaris-Angel Hator) เด็กสาวผู้หลงใหลใน Jacob Holland (Karl Urban) นักล่าหนุ่มมากฝีมือ และเป็นหนึ่งในลูกเรือของกัปตัน Crow (Jared Harris) ได้แอบขึ้นเรือล่าอสูรด้วยความหวังว่าจะได้ไปเห็นการล่า เจ้าแดงคำราม อสูรทะเลที่ร้ายกาจที่สุด แต่แล้วจู่ๆ เจ้าแดงคำรามก็ปรากฏตัวขึ้นและเข้าโจมตีเรืออย่างกะทันหัน จนทำให้ Maisie และ Jacob ถูกกลืนเข้าไปในปากของเจ้าแดงคำราม ก่อนที่ทั้งคู่จะไปโผล่ในเกาะปริศนาแห่งหนึ่ง เรื่องราวการผจญภัยของ Maisie และ Jacob ที่ต้องเอาตัวรอดจากอสูรทะเลยักษ์จึงเริ่มต้นขึ้น
กล่าวตามตรงว่า The Sea Beast เป็นแอนิเมชันที่เราไม่ได้รู้สึกสนใจเป็นพิเศษ จากตัวอย่างที่มาในธีมแอ็กชันผจญภัยในโลกเหนือจินตนาการ และการออกแบบคาแรกเตอร์ที่น่ารักน่าเอ็นดู ไม่ได้มีจุดเด่นที่ดึงดูดใจเรามากนัก กระทั่งเราได้เห็นชื่อของ Chris Williams หนึ่งในผู้กำกับร่วมจาก Big Hero 6 และ Moana ซึ่งเป็นผลงานที่ผู้เขียนชื่นชอบเป็นพิเศษ เราจึงตัดสินใจเปิด Netflix เข้าไปชม The Sea Beast ในทันที เพราะเราเชื่อมั่นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องมีดีมากกว่าแค่การผจญภัยที่สนุกสนานอย่างแน่นอน
ซึ่งผู้กำกับและทีมสร้างก็ไม่ทำให้เราผิดหวังจริงๆ เพราะนอกจากเรื่องราวการผจญภัยที่สนุกตื่นเต้นแล้ว The Sea Beast ยังมาพร้อมกับแกนหลักสำคัญของเรื่องที่นำเสนออกมาได้อย่างคมคายและน่าประทับใจอีกด้วย
จุดเด่นข้อแรกที่เราขอหยิบยกมากล่าวถึงคืองานแอนิเมชัน 3D ที่งดงาม และการออกแบบคาแรกเตอร์ตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์ได้อย่างมีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการรังสรรค์โลกใต้ทะเลที่ดูน่าพิศวง แต่ก็มีมนตร์เสน่ห์ที่ดึงดูดให้เราเข้าไปอยู่ในโลกของตัวละครได้อย่างอยู่หมัด รวมถึงเหล่าอสูรทะเลที่แม้จะไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกรงขามเท่าไรนัก แต่ภาพยนตร์ก็มีการนำเสนอฉากแอ็กชันกลางทะเลสุดระทึก ให้เราได้สัมผัสถึงความน่าสะพรึงกลัวของพวกมันได้เป็นอย่างดี (อารมณ์คล้ายๆ Jaws (1975) แต่มีความสดใสมากกว่า) ซึ่งเสริมให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถเข้าถึงผู้ชมได้ทุกเพศทุกวัย
จุดเด่นข้อต่อมาที่เราชื่นชอบเป็นการส่วนตัว คือเพลงประกอบภาพยนตร์จากปลายปากกาของ Mark Mancina คอมโพเซอร์ที่เคยร่วมงานกับ Chris Williams มาแล้วใน Moana ที่เข้ามาแต่งแต้มสีสันให้กับการผจญภัยครั้งนี้สนุกตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม
และองค์ประกอบสำคัญที่ส่งให้ The Sea Beast เป็นมากกว่าแค่แอนิเมชันผจญภัยภาพสวย คือการชักชวนเรามาร่วมตั้งคำถามต่อ ‘ความจริง’ ที่ถูกบอกเล่าผ่านหน้าหนังสือที่เด็กๆ ทุกคนอ่าน ว่าแท้จริงแล้วบทบันทึกเหล่านั้นคือความจริงที่เกิดขึ้นบนหน้าประวัติศาสตร์ หรือเป็นความจริงที่ ‘ผู้เขียน’ ต้องการให้ทุกคนเชื่อว่ามันคือความจริงกันแน่
โดยภาพยนตร์เลือกนำเสนอประเด็นดังกล่าวผ่านเรื่องราวและปมปัญหาของตัวละครหลักอย่าง Maisie เด็กสาวที่แม้จะไม่เคยออกเผชิญโลกกว้างเท่ากับ Jacob มาก่อน แต่ด้วยความที่เธอชื่นชอบในการอ่านหนังสือ ซึ่งบอกเล่าเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การต่อสู้ของเหล่านักล่าอสูรทะเล จึงทำให้เธอมีความรู้เกี่ยวกับอสูรทะเลไม่แพ้ Jacob และจุดประกายให้เธออยากออกเดินทางสู่ท้องทะเลเพื่อออกล่าอสูรทะเลสักครั้ง
แต่เมื่อสถานการณ์จับพลัดจับผลูให้ Maisie ได้ออกผจญภัยอย่างที่ตั้งใจ ความจริงของท้องทะเลที่เธอค้นพบกลับไม่ได้เป็นอย่างที่หนังสือเหล่านั้นบอกเล่า (ซึ่งเราอยากจะขออุบเนื้อหาสำคัญตรงนี้ไว้ เพื่อให้ผู้อ่านที่ยังไม่เคยชม The Sea Beast มาก่อน ได้ลองไปสำรวจประเด็นดังกล่าวพร้อมกับเธอ)
เรื่องราวของ Maisie กำลังสะท้อนภาพให้เราเห็นว่า ‘ความจริง’ ที่เราเข้าใจและรับรู้ผ่านหนังสือที่ร่ำเรียนกันมา อาจไม่ได้เป็นความจริงเพียงหนึ่งเดียวเสมอไป ข้อมูลที่เราอ่านอาจถูกเสริมเติมแต่ง ร้อยเรียงเรื่องราวให้ผู้อ่านคล้อยตาม เพื่อเป้าหมายในการชักจูงให้ทุกคนเชื่อในสิ่งที่ผู้เขียนอยากให้เชื่อ เชื่อว่าสิ่งนี้ถูกต้อง เชื่อว่าหากทำสิ่งนี้แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น เชื่อว่านี่คือความจริงเพียงหนึ่งเดียวบนหน้าประวัติศาสตร์
และความคมคายอย่างหนึ่งของ The Sea Beast คือการนำเสนอตัวละคร Maisie ให้เป็นตัวแทนของเหล่าเด็กรุ่นใหม่ ที่กล้าจะ ‘ตั้งคำถาม’ ต่อความจริงที่ถูกบอกเล่าสืบต่อกันมา กล้าที่จะลองมองโลกในแง่มุมที่แตกต่างไปจากเดิม เพื่อค้นหาความจริงอื่นที่อาจซุกซ่อนอยู่ในความจริงบนหน้าหนังสือที่เธอเคยหลงใหล
ดังนั้นแล้ว The Sea Beast จึงเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการหยิบขึ้นมารับชมร่วมกับครอบครัวในวันหยุด เพราะนอกจากความสนุกสนานที่ทุกคนจะได้รับแล้ว ภาพยนตร์ยังมีประเด็นน่าสนใจที่ชักชวนให้เราได้ร่วมกันตั้งคำถาม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และถอดบทเรียนจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งในโลกของภาพยนตร์และโลกความเป็นจริง เช่นเดียวกับประโยคหนึ่งที่ Maisie กล่าวกับ Jacob ว่า
“โลกใบนี้กว้างใหญ่นัก Jacob ไม่มีผู้ใดรู้ไปทุกเรื่องหรอก”
สามารถรับชม The Sea Beast ได้แล้วทาง Netflix
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่
