×

TASTE: ชิลและจิบเนเชอรัลไวน์ที่ The Rose Wine Bar บาร์ไม่ลับหลัง H Dining

12.05.2022
  • LOADING...
The Rose Wine Bar

หลายคนอาจคุ้นหูกับชื่อ The Rose Wine Bar กันอยู่แล้วเพราะเนเชอรัลไวน์ บาร์แห่งนี้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2562 ก่อนที่จะต้องปิดตัวลงเพราะหมดสัญญา หรือกระทั่งเมื่อ H Dining ย้ายมาทำเลใหม่ใกล้เคียงกันแล้ว แต่ The Rose Wine Bar ก็ยังไม่ได้เปิดสักทีเพราะติดช่วงโควิดและความคลุมเครือของมาตรการจำหน่ายแอลกอฮอล์ รวมถึงการสั่งปิดบาร์ไปพักใหญ่ ซึ่งหลังจากสถานการณ์มากมาย The Rose Wine Bar กลับมาอีกครั้งพร้อมความเซ็กซี่เช่นเดิม

 

 

ไวน์บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่เดียวกับ H Dining โดยปรับโซนโรงคั่วหลังร้านให้กลายเป็นเนเชอรัลไวน์บาร์ท่ามกลางบรรยากาศกึ่งแกลเลอรีเบื้องหลังผ้าม่านสีแดง

 

 

แม้จะเป็นอาคารเก่าแต่ก็ได้รับการปรับโฉมให้กลายเป็นไวน์บาร์พร้อมเวทีเล็กสำหรับดนตรีสดได้อย่างลงตัว ผนังทาสีแดงตัดกับสีเดิมของตัวอาคาร ผ้าม่านแดงผืนใหญ่ถูกจับมาคลุมที่หน้าทางเข้าร้านและเวที แทบทุกมุมของบาร์มีงานศิลปะจัดแสดงและจะหมุนเวียนศิลปินไปเรื่อยๆ ณ ตอนนี้เป็นผลงานของ Baisri Art ซึ่งจะแสดงผลงานไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง:

 


 

 

ไวน์บาร์แบบไม่เป็นทางการตั้งอยู่มุมขวาโดยมีเพียงโต๊ะไม้ ถังแช่ไวน์ และแก้วเรียงราย จุดเด่นของ The Rose Wine Bar คือการเน้นเสิร์ฟไวน์ By Glass ราคาเดียว 320 บาท/แก้ว ทุกฉลาก โดยจะสลับสับเปลี่ยนไวน์ไปเรื่อยๆ และไม่จำเป็นต้องสั่งไวน์ทั้งขวด ซึ่งค่อนข้างหาร้านที่อนุญาตให้สั่งเนเชอรัลไวน์ By Glass ได้ยาก แต่ถ้าเป็นสายนี้อยู่แล้วจะสั่งเป็นขวดก็ย่อมได้ ส่วนใครที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีอะไรให้จิบ เพราะมีม็อกเทลให้สั่งเช่นกัน

 

 

โต๊ะเก้าอี้จัดวางแบบไม่เป็นทางการ รับแขกได้มากที่สุด 25 ที่นั่ง จึงแนะนำให้จองโต๊ะล่วงหน้า แต่นั่งมุมไหนก็รับประกันว่าได้ยินและชมดนตรีสดชัดเจนแน่นอน โดยได้วง The Stumbling ที่เล่นและร้องแนวสวิงแจ๊ส เป็นวงดนตรีประจำของที่นี่

 

 

เมนูอาหารจะมีเฉพาะของกินเล่นแกล้มไวน์นิดหน่อยและชีสกับโคลด์คัต โดยเมนูกินเล่นจะเน้นการนำเสนอวัตถุดิบท้องถิ่นผ่านการตีความใหม่ให้ดูดีและน่ากินยิ่งขึ้น เริ่มต้นด้วย Edible Razor (180 บาท) ของกินเล่นที่เลียนแบบหอยหลอดทั้งตัว ตั้งแต่เปลือกหอยกินได้ เพราะทำจากแป้งญวน ส่วนไส้ในเป็นหอยหลอดกับซอสสมุนไพรไทยและอะโวคาโดมูส ทั้งสวยและกินอร่อยแบบนี้ ใครมาต้องสั่งทุกโต๊ะ

 

 

จากนั้นต่อกันที่ Gai Yang (240 บาท) ปีกไก่ย่างยัดไส้ข้าวเหนียวไรซ์เบอร์รี กินแล้วได้ฟีลข้าวเหนียวไก่ย่างในคำเดียว ถ้าเป็นของเบาๆ แนะนำ Foie Gras Waffle (240 บาท) วาฟเฟิลแผ่นบางสัมผัสหนึบเล็กน้อย ประกบแล้วทาฟัวกราส์สเปรดกับเจลมะขาม

 

 

สายเนื้ออาจสั่งเป็น Beef Tartare (290 บาท) เนื้อแบล็กแองกัสเทนเดอร์ลอยน์หั่นเต๋า แล้วคลุกเคล้าในฮอตซอสสูตรเฉพาะของร้าน จากนั้นตักใส่ใบงาเพื่อให้ห่อรับประทานแบบเมี่ยง

 

 

จานปลา Mackerel Ceviche (340 บาท) เมนูสดชื่นที่เหมาะแพริ่งกับไวน์ขาว ใช้ปลาเนื้อขาวที่ผ่านกระบวนการ Ike Jime ที่จัดการปลาให้คงความสดได้นานกว่าปกติ รับประทานคู่กับส้มโอและกัวคาโมเลราดเลมอนเดรสซิ่ง

 

 

Bloody Clam (290 บาท) คำนี้เป็นมินิบริยอชโทสต์ท็อปด้วยหอยแครง สับปะรด ราดซีฟู้ดครีมชีสกับซอสซาโวร่าที่ทำจากมัสตาร์ด รสจัดจ้านแต่ร่วมสมัยได้ดีมาก

 

 

หาร้านนั่งชิลรอบหน้า แต่อยากได้ทั้งบรรยากาศดี มีดนตรีสด ทำเลใจกลางเมือง อย่าลืมแวะมาที่ The Rose Wine Bar รับประกันนั่งยาวแน่นอน

 

The Rose Wine Bar

Open: วันพฤหัสบดี-เสาร์ เวลา 18.00 น. – เที่ยงคืน

Address: ซอยแสงชัย สุขุมวิท 38

Budget: 1,000-2,000 บาท
Tel: 06 5985 9251

Website: https://www.instagram.com/therosewinebar

Map: 

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X