ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขหนี้ครัวเรือนล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 2/64 มียอดคงค้างรวมอยู่ที่ 14.27 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 1.35 แสนล้านบาท แต่ถ้าดูสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ณ สิ้นไตรมาส 2/64 พบว่า ลดลงเหลือ 89.3% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 90.6% โดยถือเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 3 ปีนับจากไตรมาส 2/61
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ไตรมาส 2/64 ที่ลดลง เป็นผลจากเศรษฐกิจไทยในช่วงดังกล่าวเติบโตขึ้นในอัตราที่มากกว่าหนี้ครัวเรือน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่ชะลอลงในไตรมาสนี้น่าจะเป็นภาวะชั่วคราว และไม่ได้หมายความว่าหนี้สินภาคครัวเรือนมีความน่ากังวลลดลง
ในทางกลับกัน ยอดคงค้างหนี้สินของครัวเรือนที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นในระหว่างไตรมาสนั้นเป็นมาตรวัดที่สะท้อนว่า ภาระหนี้ในระดับครัวเรือนยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ไม่ต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา
สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยจะกลับมาเร่งสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2564 โดยคาดว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนอาจขยับขึ้นเข้าใกล้กรอบบนของตัวเลขประมาณการหนี้ครัวเรือน ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ไว้ในช่วง 90-92% ต่อ GDP เนื่องจากหนี้สินของภาคครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง และครัวเรือนบางส่วนอาจก่อหนี้เพิ่มในช่วงต้นไตรมาสที่ 3/64
ทั้งนี้ การทยอยคลายล็อกมาตรการสกัดการระบาดของโควิด ความก้าวหน้าในการฉีดวัคซีน และแนวทางการเปิดประเทศมากขึ้น น่าจะทยอยส่งผลดีต่อภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์รายได้ของภาคครัวเรือนในระยะข้างหน้า
อย่างไรก็ดีคงต้องยอมรับว่า ความสามารถในการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้รายย่อยหลายกลุ่มอาจยังไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ทันทีในภายปีนี้ ขณะที่ข้อมูลลูกหนี้รายย่อยทยอยเข้ารับมาตรการช่วยเหลือจากสถาบันการเงินที่ยังคงเพิ่มมากขึ้น ทั้งในมิติของจำนวนบัญชีและยอดหนี้ภาระหนี้ ย้ำถึงความสำคัญของการเร่งปรับโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยให้ภาระหนี้สอดคล้องกับสถานะทางการเงินของลูกหนี้ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลที่ได้จากผลสำรวจภาวะหนี้สินและเงินออมของศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ดังนั้นแล้วประเด็นสำคัญในช่วงหลังจากนี้ก็คือ การเร่งเดินหน้ามาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยหล่อเลี้ยงสภาพคล่องและปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อประคองไม่ให้ลูกหนี้กลายเป็น NPLs โดยในขณะนี้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ธปท. ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินอื่นๆ คงอยู่ระหว่างเตรียมประเมินความเหมาะสมของมาตรการ ปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจและสถานะของลูกหนี้แต่ละราย เพื่อให้สามารถเดินหน้าในเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน และสามารถช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ให้กับลูกหนี้ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วย่อมเป็นผลดีต่อทั้งตัวลูกหนี้และสถาบันการเงินเจ้าหนี้
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP