×

The Lego Movie 2: The Second Part การเดินทางแสนสนุกของเหล่าตัวต่อที่อัปเกรดความบันเทิงไปอีกขั้น

08.02.2019
  • LOADING...

Everything is Awesome คือเพลงประกอบที่เชื่อได้ว่าถ้าใครดู The Lego Movie ภาคแรกแล้ว จะต้องติดหูอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังเป็นเพลงที่อธิบายถึงเรื่องราวของหนังได้เป็นอย่างดี แต่ใน The Lego Movie 2: The Second Part จะพาผู้ชมไปรู้จักกับอีกด้านหนึ่งของเพลงนี้ ที่เปลี่ยนจากมุมที่วุ่นวายไปหมด มาเป็นมุมที่ ‘ดูดีไปเสียทุกอย่าง’ แทน

 

ผู้กำกับ ไมค์ มิทเชลล์ ได้อัปเกรดความบันเทิงให้ผู้ชมขึ้นไปอีกขั้น กับฉากแอ็กชันที่เพิ่มมาให้เราได้ตื่นตาตื่นใจแบบจัดเต็ม และเสริมความเป็นมิวสิคัลลงไป ทำให้การเล่าเรื่องมีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งถ้านำจุดนี้มารวมกับเทคนิคงานสร้างสุดครีเอตแล้วล่ะก็ เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมที่เข้ากันเป็นอย่างดี

 

สิ่งเหล่านี้ยังแสดงให้เห็นถึงความมุมานะของเหล่าทีมงานแอนิเมชัน ผู้อยู่เบื้องหลังงานสร้างสรรค์ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ทุกการเคลื่อนไหวของตัวละคร รวมไปถึงเอฟเฟกต์ต่างๆ ที่สร้างขึ้นจากตัวต่อเลโก้ เพื่อให้ผู้ชมเพลิดเพลินไปพร้อมกับเนื้อเรื่องที่สนุกสนานได้ราวกับว่าตัวต่อหลากสีเหล่านั้นมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ

 

ทางฝั่งคู่หูมือเขียนบทจากภาคแรก ฟิล ลอร์ด และ คริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ ก็ยังคงไม่ลืมที่จะใส่มุกล้อเลียนอันเป็นเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์นี้ ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะขื่นขันให้กับผู้ชมที่อินและติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์อย่างใกล้ชิดได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าไม่อย่างนั้น ใครที่ไม่เข้าใจก็อาจจะทำได้แต่นั่งนิ่งไปเลย

 

แต่ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะมีมุกล้อเลียนมากแค่ไหน ฟิลและคริสโตเฟอร์ก็ยังไม่ทิ้งประเด็นสำคัญที่ทำให้แอนิเมชันเรื่องนี้เป็นมากกว่าการ์ตูนสนุกๆ เรื่องหนึ่ง จาก The Lego Movie เรื่องราวในภาคแรกเล่าถึง เอมเม็ต (คริส แพตต์) พนักงานก่อสร้างหนุ่มที่ถูกเลือกจากคำทำนายให้เป็น ‘คนพิเศษ’ เขาได้ร่วมมือกับ มาสเตอร์บิวเดอร์ ลูซี (เอลิซาเบธ แบงค์) แบทแมน (วิลล์ อาร์เนตต์) และเพื่อนๆ จนปกป้องโลกของพวกเขาได้สำเร็จ แต่แล้วเมื่อทุกอย่างจบลง กลับมีมนุษย์ต่างดาวดูโพลจากระบบซีสตาร์ เดินทางมาและประกาศว่า พวกเขาจะทำลายล้างโลกใบนี้

 

The Lego Movie 2: The Second Part เล่าเรื่อง 5 ปี ต่อจากภาคแรก โลกได้เข้าสู่กลียุค จากเมืองบริกเบิร์กที่มีแต่สีสันและมีชีวิตชีวา ต้องกลายมาเป็นสถานที่แห่งความป่าเถื่อน มีเพียง เอมเม็ต ที่ยังคงใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานอยู่เสมอ แต่การมาเยือนของ นายพลเมย์เฮม (สเตฟานี เบียทริซ) ที่เดินทางมาจับตัวลูซีและเพื่อนๆ เพื่อไปร่วมงานแต่งงานของราชินีแห่งระบบซีสตาร์อย่าง ควีนวอทเอฟวา วานาบี (ทิฟฟานี แฮดดิช) นั้น จึงเป็นเหตุให้เอมเม็ตต้องเดินทางข้ามจักรวาล เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องของเขา

 

หนึ่งในความพิเศษของ The Lego Movie คือการเล่าเรื่องราวระหว่างโลกของเอมเม็ต เมืองเลโก้ และครอบครัวของฟิน เด็กหนุ่มที่สร้างสรรค์โลกของเลโก้ขึ้นมา ซึ่งหากเกิดอะไรขึ้นในโลกของฟิน ก็จะมีผลกระทบต่อโลกของเอมเม็ตเช่นกัน และเรื่องราวทั้งหมดของภาคนี้ก็เกิดขึ้นจากการมาของ เบียคา น้องสาวของฟินที่อยากจะมาเล่นกับพี่

 

สิ่งที่หนังสะท้อนให้ผู้ชมได้เห็นผ่านโลกทั้งสองนี้คือ การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของเอมเม็ตและฟิน โดยในด้านของฟินที่โตขึ้น เขาเริ่มปิดกั้นตัวเองจาก เบียคา น้องสาวของเขา ด้วยการนำตัวต่อดูโพลสำหรับเด็กมาเล่นกับพี่ชาย และนั่นทำให้โลกของเอมเม็ตค่อยๆ เปลี่ยนไปตามการเติบโตของฟิน จนถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ระหว่างโลกของเอมเม็ตและระบบซีสตาร์ ในขณะเดียวกันเอมเม็ตก็อยากที่จะเติบโตขึ้นเป็นคนที่ดีกว่าเดิม อย่างที่ลูซีอยากให้เขาเป็น

 

ในความเป็นจริงแล้ว พวกเราทุกคนต่างก็ต้องเติบโตขึ้นแบบเดียวกับฟิน รวมถึงอยากที่จะเป็นตัวเองเวอร์ชันที่ดีกว่า เพื่อให้คนอื่นได้ยอมรับเช่นเดียวกับเอมเม็ต ซึ่งหากมองกันจริงๆ แล้ว มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ทุกคนยอมรับในตัวเรา เพราะสุดท้ายการเป็นคนที่ดีขึ้นก็ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างให้มันดีไปเสียหมด ในขณะเดียวกันการไม่หลงลืมว่าตัวตนของเราเป็นอย่างไร ก็น่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

FYI
  • ตัวต่อดูโพล คือตัวต่อเลโก้ที่ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับเด็กอายุ 3-5 ขวบ ด้วยรูปทรงที่ใหญ่กว่าปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กจำกลิ่นและสามารถจำได้ถนัด มีสีสันที่ฉูดฉาดและลายตัวการ์ตูนที่น่ารัก
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising