×

จุดจบของรองเท้า ‘สตั๊ดหนังจิงโจ้’ เมื่อ Nike และ Puma ประกาศชัด ไม่ใช้ ‘K-Leather’ อีกต่อไป

16.03.2023
  • LOADING...

สำหรับเหล่านักล่าตาข่ายทั้งหลาย ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยต่างรู้กันอยู่ในใจว่า หากจะถามถึงสุดยอดรองเท้าฟุตบอลหรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า ‘สตั๊ด’ (Stud ซึ่งความจริงหมายถึงปุ่มรองเท้า) ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าสตั๊ดที่ทำมาจากหนังจิงโจ้อีกแล้ว

 

เรื่องนี้หากคนไม่ได้เล่นฟุตบอลได้ยินแล้วก็อาจไม่เข้าใจ พาลคิดไปว่าคนเราหนอทำไมมันช่างโหดร้ายนัก ถึงได้เอาหนังของสัตว์โลกน่ารักอย่างจิงโจ้มาทำ ทำไมไม่เอาหนังอย่างอื่นมาทำ?

 

มันก็พอมีเหตุผลอยู่ว่า… 

 

  • เป็นหนังคุณภาพสูงที่มีความนุ่มเป็นพิเศษ สวมใส่สบาย ยิ่งใส่นานก็ยิ่งนุ่ม (เข้าเท้าว่างั้น)
  • มีคุณสมบัติยืดหยุ่นได้ดีกว่าหนังชนิดอื่น แต่ก็ไม่เสียรูปทรงง่าย
  • มีความทนทานมาก

 

คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้หนังจิงโจ้ถูกนำมาใช้ผลิตเป็นรองเท้าฟุตบอลอย่างยาวนานตลอดระยะเวลาหลายสิบปี และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังคุณภาพดีที่สุด เรียกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นรองเท้าแบรนด์อะไรก็ตาม หากเป็นรุ่นที่ใช้หนังจิงโจ้แล้ว ก็จะได้รับความสนใจจากเหล่านักฟุตบอลไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพหรือมือสมัครเล่นเสมอ

 

อย่างไรก็ดี ไม่กี่วันที่ผ่านมาได้เกิดข่าวใหญ่ในหมู่เหล่านักเตะทั้งหลายขึ้น เมื่อยักษ์ใหญ่อย่าง Nike หนึ่งในแบรนด์ชั้นนำด้านรองเท้าฟุตบอล ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะหยุดการผลิตสตั๊ดที่ทำจากหนังจิงโจ้ภายในปี 2023

 

เรื่องนี้สร้างแรงกระเพื่อมไม่น้อย เพราะท่ามกลางไลน์รองเท้ารุ่นใหม่ที่ล้ำสมัยมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Mercurial Vapor, Phantom GX แต่รองเท้าสายคลาสสิกที่ยังคงใช้หนังจิงโจ้ในการผลิตอย่าง Tiempo รวมถึง Premier รองเท้าหนังจิงโจ้คุณภาพสูงราคาย่อมเยาที่เป็นขวัญใจมหาชนของนักเตะระดับรากหญ้าทั่วโลก ก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาดเสมอ

 

 

โดยหลังจากนี้ Nike เตรียมจะเปิดตัว Tiempo สายพันธุ์ใหม่ที่จะผลิตขึ้นด้วยวัสดุชนิดใหม่ล่าสุด 

 

“ในฤดูร้อนนี้ Nike จะเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ในรองเท้าสาย Tiempo” แถลงการณ์จาก Nike ที่ส่งให้กับ footwearnews.com “รองเท้า Tiempo Legend Elite จะเปิดตัววัสดุใหม่เฉพาะของ Nike ที่ใช้หนังสังเคราะห์มาทำส่วนของ Upper

 

“Upper ที่ทำจากวัสดุใหม่นี้จะช่วยในเรื่องการทำผลงานได้ดีกว่าเก่าและมาแทนทีการใช้หนังจิงโจ้ นอกเหนือไปจากนี้ ในตระกูล Tiempo Premier รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงฤดูร้อนนี้ก็จะไม่ใช้หนังจิงโจ้แล้วเช่นเดียวกัน”

 

Nike ยังระบุในตอนท้ายของแถลงการณ์ว่า ได้มีการยุติการสั่งหนังจิงโจ้จากโรงงานผู้ผลิตมาตั้งแต่ปี 2021 และจะเลิกผลิตรองเท้าที่ใช้หนังจิงโจ้ทุกรุ่นภายในปี 2023

 

ข่าวนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับกลุ่มบุคคลที่รณรงค์ให้มีการเลิกใช้หนังจิงโจ้อย่างกลุ่ม Center for a Humane Economy ที่ขานรับว่า “การแถลงของ Nike ถือเป็นข่าวดีสำหรับการปกป้องสัตว์ป่า” ซึ่งกลุ่มนี้เป็นหัวหอกในการรณรงค์แคมเปญ ‘Kangaroos are Not Shoes’ ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2020 และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้เกิดการทบทวนการใช้หนังจิงโจ้ในการผลิตรองเท้า

 

โดยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว กลุ่มผู้รณรงค์มีการเปิดเผยว่า มีจิงโจ้ถูกล่าเพื่อนำหนังมาใช้ในการผลิตรองเท้ามากถึง 2 ล้านตัว และทำให้ลูกจิงโจ้ต้องตายปีละกว่า 440,000 ตัว เพราะแม่ของมันถูกยิง

 

แต่ทางด้าน SoccerBible เว็บไซต์แฟชั่นฟุตบอลชื่อดัง รายงานว่า เหตุผลสำคัญที่นำไปสู่การตัดสินใจเลิกใช้หนังจิงโจ้ของ Nike อาจเกิดจากการที่มีการผ่านกฎหมายในการห้ามจำหน่ายชิ้นส่วนของจิงโจ้หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากจิงโจ้ในรัฐออริกอน ซึ่งที่ทำการใหญ่ของ Nike อยู่ในเมืองบีเวอร์ตัน ซึ่งอยู่ในรัฐนี้พอดี จึงอาจมีส่วนกับการตัดสินใจได้

 

 

สิ่งที่น่าสนใจคือ การออกมาประกาศของ Nike ครั้งนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ Puma แบรนด์คู่แข่งในวงการ ที่สร้างความตะลึงด้วยการเปิดตัวรองเท้าสายพันธุ์ระดับตำนานที่ 2 นักเตะที่เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์อย่าง เปเล่ และ ดิเอโก มาราโดนา เคยสวมใส่อย่าง Puma King ในรุ่นใหม่ที่ไม่ใช้หนังจิงโจ้อีกแล้ว

 

โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Puma ได้เปิดตัวรองเท้ารุ่น King Ultimate รองเท้าทรงคลาสสิกที่เหมาะสำหรับนักเตะสายคอนโทรล ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือการเปลี่ยนมาใช้วัสดุใหม่ที่ชื่อว่า ‘K-Better’ ซึ่งทางแบรนด์ยืนยันว่า ไม่มีการใช้วัสดุจากสัตว์มาผสมเลย ในทางตรงกันข้าม มีการใช้วัสดุรีไซเคิลเข้ามาผสมถึง 20%

 

Puma ยืนยันว่า รองเท้า King Ultimate ที่ใช้ K-Better นั้นมีคุณภาพดีกว่ารองเท้ารุ่นเก่าที่ใช้หนังจิงโจ้ หรือ K-Leather ในด้านของการสัมผัสบอลแรก ความนุ่มสบาย และความทนทาน นั่นทำให้ตัดสินใจเลิกใช้หนังสัตว์จริงๆ ได้ไม่ยาก

 

“เราเลิกใช้ K-Leather มาใช้เป็น K-Better แทน เพราะเรามั่นใจในวัสดุนี้ เรามั่นใจว่ามันเป็นวัสดุที่ดีกว่า ซึ่งไม่ใช่แค่ในแง่ของความเป็นวัสดุ แต่มันดีกว่าสำหรับโลกใบนี้ของทุกคนด้วย มันยั่งยืนกว่าและมีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิล”

 

แต่หากย้อนกลับไปไม่นานก่อนหน้าที่ Puma และ Nike จะมีการประกาศนั้น เมื่อเดือนมกราคม adidas ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี มีการเปิดตัวรองเท้าฟุตบอลรุ่นพิเศษ ‘Predator Precision Remake’ ซึ่งเป็นการนำรองเท้ารุ่น Predator Precision ที่โด่งดังในอดีต มาผลิตขึ้นใหม่ โดยแยกออกเป็น 2 รุ่นย่อยด้วยกัน

 

หนึ่งคือรุ่นที่ใช้หนังแท้ แต่สิ่งที่มีการสังเกตกันคือวัสดุที่ใช้กลับเป็นหนังวัว ที่เคยถูกมองว่าเป็นหนังที่มีคุณภาพเป็นรองหนังจิงโจ้ ทั้งๆ ที่ปกติแล้ว Predator รุ่นที่ทำขึ้นมาใหม่จะใช้หนังจิงโจ้ผลิตเหมือนรุ่นดั้งเดิมทั้งสิ้น ต่างกันแค่เพียงเทคโนโลยีที่พื้นรองเท้าที่ปรับตามยุคสมัย

 

อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจกว่าคือรุ่นรอง ‘.1’ ที่ใช้วัสดุหนังสังเคราะห์แทนเลย ซึ่งแม้จะเป็นหนังสังเคราะห์ แต่ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังสังเคราะห์คุณภาพสูงที่ให้ความนุ่มสบาย และที่สำคัญ ‘เบากว่า’ รองเท้าที่ใช้หนังแท้อีกด้วย

 

แปลว่า adidas เองก็อาจจะมีแผนในการยกเลิกใช้วัสดุหนังจิงโจ้ด้วย แม้ว่าในปัจจุบันจะแทบไม่มีรองเท้าของ adidas ที่ใช้หนังจิงโจ้ในตลาดเลยก็ตาม มีเพียงแค่ตระกูล Copa ที่มีทั้ง Copa Pure, Copa Gloro รวมถึงรุ่นคลาสสิกตลอดกาลอย่าง Copa Mundial 

 

ส่วนแบรนด์อื่นๆ อย่าง Mizuno, Asics, Diadora, Kappa, New Balance ซึ่งก็ยังมีรองเท้ารุ่นที่ผลิตจากหนังจิงโจ้อยู่ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ออกมา แต่เชื่อได้ว่าการขยับตัวของยักษ์ใหญ่อย่าง Nike และ Puma น่าจะสร้างแรงกระเพื่อมอย่างแน่นอน

 

สิงห์นักเตะทั้งหลาย โดยเฉพาะในกลุ่มนักเตะที่เติบโตมากับรองเท้าหนังจิงโจ้ตั้งแต่เด็กจนเข้าสู่วัยกลางคน (เหมือนผู้เขียน) อาจต้องเผื่อใจว่าสักวันจะไม่มีรองเท้าสตั๊ดหนังจิงโจ้ให้ใส่กันอีกแล้ว

 

แต่ถ้ามันจะเป็นการดีต่อโลกมากกว่า และคุณสมบัติของวัสดุใหม่มันใช้ทดแทนกันได้จริง แค่ลองเปิดใจก็อาจช่วยชีวิตจิงโจ้ตาดำๆ ได้อีกหลายล้านตัวต่อปี (แม้ว่าจริงๆ แล้วมันจะห่างไกลจากการเป็นสัตว์สูญพันธุ์ และคนออสเตรเลียก็มีการล่ากันเป็นปกติอยู่แล้วก็ตาม)

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising