×

จับตาศึกชิงเก้าอี้ร้อน ‘ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ’ ที่มีอำนาจควบคุม ธปท. และมีส่วนสำคัญเคาะเลือกชื่อผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนใหม่

18.09.2024
  • LOADING...

ตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติถือเป็นเก้าอี้ร้อนที่กำลังสรรหาบุคคลมานั่งแทน ดร.ปรเมธี วิมลศิริ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ที่จะครบวาระในเดือนกันยายนนี้ โดยกรรมการหรือบอร์ดของแบงก์ชาติถือว่ามีความสำคัญมาก เนื่องจากตามกฎหมายได้กำหนดให้มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลโดยทั่วไป ซึ่งกิจการและการดำเนินการของธนาคารแห่งประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2485 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน กำลังจะทำงานครบวาระในเดือนกันยายน 2568 เพราะประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่จะมีส่วนสำคัญในการกำหนดรายชื่อบุคคลที่จะนั่งเก้าอี้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ จากอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่ให้ในการควบคุมดูแลแบงก์ชาติ

 

ดังนั้นการเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติในรอบนี้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นการทำศึกรอบใหม่อีกครั้งระหว่างรัฐบาลกับแบงก์ชาติ เนื่องจากตามกฎหมายกำหนดให้มี 2 หน่วยงานสามารถเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมมาเพื่อมาชิงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่

 

โดยแบ่งเป็นโควตาที่เสนอจากปลัดกระทรวงการคลังได้ 1 ชื่อ และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนปัจจุบันสามารถเสนอส่งแข่งได้อีก 2 ชื่อ

 

ก่อนหน้านี้สื่อต่างชาติรายงานว่า รายชื่อที่อาจจะมานั่งเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติมี 2 ชื่อ คือ กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรืออาจเป็น ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร และประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ และล่าสุดยังได้รับแต่งตั้งเป็นหนึ่งในทีมคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 

 

อย่างไรก็ดี ในช่วงการทำงานของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนปัจจุบันในยุคที่เพื่อไทยเป็นรัฐบาลตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา มักเห็นข่าวผ่านสื่อบ่อยครั้งที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมีความเห็นด้านการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและการเงินที่ไม่ตรงกับฝั่งรัฐบาล ทั้งการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยที่ฝั่งรัฐบาลต้องการ และส่งสัญญาณหลายต่อหลายครั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดเบี้ย แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะถึงปัจจุบันดอกเบี้ยก็ยังยืนที่ระดับ 2.50% ไม่เปลี่ยนแปลง 

 

ขณะที่ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการมีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ย ซึ่งกรรมการส่วนใหญ่เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ ที่โน้มเข้าสู่ศักยภาพและการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงิน

 

ไม่นับความเห็นที่ไม่ต้องตรงกันเกี่ยวกับรูปแบบโครงการแจกเงิน Digital Wallet ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยแสดงความเห็นว่าควรเจาะจงกลุ่มเป้าหมายของผู้เข้าโครงการนี้ ส่วนรัฐบาลเองก็ต้องการที่จะแจกให้กับประชาชนทั่วไปที่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไข ซึ่งช่วงแรกรัฐบาลเคยประเมินว่าจะมีถึง 50 ล้านคน ก่อนที่ปัจจุบันอาจเห็นตัวเลขลดไปบ้างเหลือราว 41-45 ล้านคน

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์’ เล็งนัดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เสนอ 3 เรื่องช่วยเศรษฐกิจ

 

ล่าสุดยังมีประเด็นที่ พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกมาระบุว่า เตรียมนัดหารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยในเร็วๆ นี้ โดยมี 3 เรื่องที่จะเสนอมาช่วยดูแลเศรษฐกิจและภาคการส่งออก ได้แก่

 

  1. การลดดอกเบี้ย เนื่องจากขณะนี้อัตราเงินเฟ้อลดลง และธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ก็เตรียมลดดอกเบี้ย ดังนั้นธนาคารแห่งประเทศไทยจึงควรปรับดอกเบี้ยลงเช่นกัน

 

  1. ดูแลเงินบาทที่แข็งค่าเร็วมาอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ โดยแข็งค่าขึ้นถึง 5-6% ภายในเดือนเดียว ส่งผลกระทบอย่างมากกับผู้ส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่มีกำไรน้อยอยู่แล้ว

 

  1. การเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการ SMEs ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ซึ่งเป็นความเดือดร้อนที่ต่อเนื่องมาจากผลกระทบในช่วงโควิด

 

จับตาเคาะชื่อประธานบอร์ดแบงก์ชาติกลางเดือนตุลาคมนี้

 

ด้าน ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า หลังจากแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติแล้ว ได้เริ่มประชุมนัดแรกเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมปีนี้ที่ผ่านมา โดยในที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยเสนอชื่อบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้ามา แบ่งเป็นโควตาโดยปลัดกระทรวงการคลังเสนอได้จำนวน 1 ชื่อ และเป็นโควตาของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถเสนอได้อีกจำนวน 2 ชื่อ

 

ทั้งนี้ ปัจจุบันทั้งกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยได้นำส่งเสนอชื่อรวมทั้ง 3 ชื่อ ต่อฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการสรรหาบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ โดยเป็นทีมงานของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติว่าตรงกับข้อกฎหมายที่กำหนดไว้หรือไม่

 

โดยคาดว่าในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการสรรหาฯ จะส่งรายชื่อบุคคลที่มีคุณสมบัติกลับมาให้คณะกรรมการสรรหาบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่ได้ในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้

 

สำหรับหลักการในการสรรหาประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่ที่คณะกรรมการสรรหาฯ จะใช้ 

  1. มีคุณสมบัติต้องห้ามหรือไม่
  2. มีความรู้และความสามารถเหมาะสม มีความเข้าใจระบบการเงินและการลงทุน รวมทั้งเศรษฐกิจระหว่างประเทศเป็นอย่างดี

 

“ส่วนกระแสข่าว กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถูกส่งเข้ามาจากกระทรวงการคลังนั้นเป็นข้อมูลจริงหรือไม่ ผมในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาฯ ตอนนี้ยังไม่เห็นรายชื่อ เพราะฝ่ายเลขานุการฯ ต้องนำทั้ง 3 รายชื่อที่ถูกเสนอมาไปทำการตรวจสอบคุณสมบัติก่อน จากนั้นจะส่งไปยังคณะกรรมการสรรหาฯ ให้พิจารณา จึงจะทราบรายชื่อว่ามีใครบ้าง” ดร.สถิตย์กล่าว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising