คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย ประเมินสถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2569 ว่าจะไม่แตกต่างจากปี 2568 มากนัก โดยตลาดยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว และต้องรอภาครัฐกระตุ้นกำลังซื้อและฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้กลับคืนมา
สุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 จะมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ไม่มากนัก แต่ในไตรมาส 3/2568 ที่ผ่านมา เริ่มมีอุปทานใหม่เข้ามามากขึ้น โดยมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ประมาณ 6,618 ยูนิต
ข้อมูลที่น่าสนใจพบว่าผู้ประกอบการมีกลยุทธ์ในการเปิดตัวที่ระมัดระวังมากขึ้น โดยหลายโครงการเลือกเปิดขายในเดือนกันยายน และใช้วิธีเปิดจองเพียงบางชั้นก่อนเพื่อทดลองตลาด แทนการเปิดขายแบบเป็นทางการ (Presale) ในทันที อย่างไรก็ตาม ยังมีบางโครงการที่ได้รับความสนใจจากผู้ซื้ออย่างชัดเจน เนื่องจากมีทำเลที่ตั้งและระดับราคาที่ไม่สูงจนเกินไป
โครงการที่เปิดขายใหม่ในไตรมาส 3/2568 ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว มีเพียง 11% เท่านั้นที่อยู่ในแนวสายสีชมพูและสายสีน้ำเงิน สะท้อนว่าผู้ประกอบการเลือกพัฒนาโครงการในทำเลที่มองเห็นศักยภาพในปัจจุบัน มากกว่าการพัฒนาในทำเลตามแนวรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างเหมือนในอดีต
การเปลี่ยนแปลงทำเลที่ตั้งนี้ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในไตรมาส 3 สูงขึ้นจากไตรมาส 2 ประมาณ 47% เนื่องจากไตรมาส 2 โครงการส่วนใหญ่มีราคาขายไม่สูงเพราะอยู่ในทำเลนอกเส้นทางรถไฟฟ้าหรือกรุงเทพฯ รอบนอก
ขณะที่โครงการในไตรมาส 3 แม้กว่า 89% จะอยู่แนวรถไฟฟ้า แต่ส่วนใหญ่อยู่ห่างจากสถานีมากกว่า 1-2 กิโลเมตร แต่ก็ยังมีราคาสูง เพราะอยู่ในทำเลที่ราคาที่ดินค่อนข้างสูง เช่น ตามแนวถนนสุขุมวิท และเจริญกรุง
สำหรับแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงที่เหลือของปี 2568 คาดว่าจะยังคงอยู่ในช่วงชะลอตัว ปัจจัยลบหลักมาจากความเชื่อมั่นในระยะยาวของคนไทยต่อภาวะเศรษฐกิจและเสถียรภาพในการทำงานยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้การใช้จ่ายและการตัดสินใจสร้างหนี้สินระยะยาวอย่างการซื้อที่อยู่อาศัยยังไม่เหมาะสมนัก
ขณะเดียวกัน สถาบันการเงินยังคงมีความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ปัจจัยนี้ส่งผลให้การเช่าที่อยู่อาศัยกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงและเป็นเรื่องปกติของคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงาน แม้ผู้ประกอบการบางรายพยายามช่วยเหลือผู้ซื้อ เช่น การให้คำปรึกษา หรือการให้เช่าก่อนซื้อทีหลัง แต่กำลังซื้อโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำ
ในส่วนของแนวโน้มปี 2569 คาดว่าสถานการณ์คงไม่ดีขึ้นกว่าปีนี้มากนัก ทั้งในเรื่องของอุปทานและอุปสงค์ เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าจะต้องรอดูภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อก่อน
สุรเชษฐ ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับกำลังซื้อจากต่างชาติว่า การเข้าถึงผู้ซื้อต่างชาติเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการพยายามหาช่องทางมาโดยตลอด โดยมีการร่วมมือกับบริษัทนายหน้าต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน เพื่อเข้าถึงกำลังซื้อโดยตรง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนายหน้าสัญชาติรัสเซียและเมียนมาร์ ที่เข้ามาช่วยขายโครงการในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ
คาดว่ากำลังซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน อาจจะมากขึ้นในปี 2569 เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้น และความเข้าใจผิดเรื่องความปลอดภัยในไทยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากแล้ว
แม้ปีนี้ชาวจีนบางส่วนจะเลือกไปประเทศอื่น แต่ประเทศไทยยังคงเป็นอันดับ 1 ในความคิดของชาวจีนสำหรับการซื้อที่อยู่อาศัย เพียงแต่ช่วงที่ผ่านมา ชาวจีนอาจมีปัญหาการเงินจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งขณะนี้กำลังค่อยๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ภาพ: Phuong D. Nguyen / Shutterstock


 
         
           
                                 
            





 
                                                     
                                         
                                             
                                                 
                                                     
                                                         
                 
                 
                 
                 
                 
                