ในชุมชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยายังมีเหล่านักดำน้ำค้นหาสมบัติใต้ผืนน้ำอยู่กลุ่มหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือ ลุงภูมินทร์ วัย 62 ปี ที่อาศัยอยู่ในชุมชนเล็กๆ แห่งนี้และเป็นที่รู้จักกันดีในฉายา ‘อินเดียน่า โจนส์ เมืองไทย’ ที่มีประสบการณ์การดำน้ำค้นหาสมบัติและของมีค่าที่จมอยู่เบื้องล่างแม่น้ำสายนี้มานานกว่า 30 ปี
คุณลุงจะสวดมนต์ขอพรให้เจอของมีค่าก่อนดำน้ำทุกครั้ง โดยจะสวมหน้ากากดำน้ำที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง ซึ่งจะเชื่อมต่ออยู่กับถังออกซิเจนที่ตั้งอยู่บนเรือ อีกทั้งหน้ากากนี้ยังทำจากโลหะหนักรวม 20 กิโลกรัม เพื่อให้ทนต่อแรงดันน้ำเบื้องล่างได้เป็นอย่างดี
คุณลุงดำน้ำลงไปลึกเกือบ 30 เมตรจนถึงท้องน้ำ และใช้เวลาราว 15 นาทีก่อนจะขึ้นสู่ผืนน้ำ พร้อมด้วยกระเป๋าที่อัดแน่นไปด้วยโคลนตม สิ่งที่พบส่วนใหญ่จะเป็นเหรียญกษาปณ์รุ่นเก่า ภาชนะเครื่องปั้นโบราณ เศษโลหะ และเครื่องประดับอัญมณีต่างๆ บางครั้งพวกเขาก็พบหัวกะโหลกและโครงกระดูกที่จมลงอยู่ใต้แม่น้ำ
“พวกเรามองหาเหรียญเก่าๆ บางครั้งพวกเราก็ถูกจ้างให้ค้นหาสิ่งของต่างๆ ที่ทำตกหล่นไปในแม่น้ำ ซึ่งถ้าคุณเป็นคนกลัวผี คุณก็อาจจะไม่สามารถดำลงไปได้ เพราะคุณจะมองไม่เห็นอะไรเลย”
ถ้าโชคดีพบเหรียญตราในสมัยก่อน เหรียญทองแดงบางเหรียญสามารถขายได้ในราคา 500 บาท ซึ่งมีราคาเกือบ 2 เท่าของค่าแรงขั้นต่ำในปัจจุบัน ถ้าโชคดีมากๆ หน่อยก็อาจจะพบเครื่องประดับหรือเหรียญหายากที่สามารถขายในตลาดรับซื้อของเก่าได้ในราคากว่า 300 เหรียญสหรัฐ (ราว 10,000 บาท) เลยทีเดียว
คุณลุงเผยว่ามีของมีค่าอยู่ใต้ท้องน้ำเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสมัยก่อนพื้นที่ในละแวกนี้ล้วนแต่เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนที่มีชีวิตใกล้ชิดกับสายน้ำ แต่ในปัจจุบันครอบครัวของคุณลุงและเพื่อนๆ กำลังถูกขอให้ย้ายไปอยู่ในเขตพื้นที่อื่น เนื่องจากพื่นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของรัฐที่มีโครงการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ให้ดีขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นจะส่งผลต่ออาชีพของลุง คนในครอบครัว รวมถึงเพื่อนบ้านในชุมชนริมน้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะแม่น้ำสายนี้ไม่เพียงหล่อเลี้ยงคนที่นี่ แต่ยังหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเหล่านักล่าสมบัติใต้น้ำกลุ่มนี้อีกด้วย
อ้างอิง:
- AFP