เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาแห่งปี Thailand 2018 จุดเปลี่ยนและความท้าทายว่า
3 ปีที่ผ่านมา อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) โตต่ำเพียง 0.8% แต่ปัจจุบันคาดว่า GDP ทั้งปีจะขยายตัว 3.8% โดยภาพที่จะเกิดขึ้นปีหน้า ผลจาก GDP ไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ เมื่อขยายตัวเติบโตถึงจุดหนึ่งจะเป็นสปริงบอร์ดที่ดีที่สุดให้กับไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ในปี 2561 อย่างน้อยที่สุดหาก GDP ในปีนี้แตะ 4% และรักษาเสถียรภาพให้มั่นคง จะทำให้ในปีหน้า GDP สามารถเติบโตไปถึง 4-5% เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันประคับประคอง เชื่อว่าปีหน้าฟ้าจะสดใสกว่าปีนี้
ด้าน ดร. โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA เห็นว่าข้อมูลของรองนายกรัฐมนตรีเป็นข้อมูลจากมุมมองด้านเดียว เพราะหากดูจากตัวเลขคาดการณ์ GDP ของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ซึ่งคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้ไว้ที่ 3.5% ส่วนปีหน้า(2561) คาดการณ์ไว้ที่ 3.6%
แต่หากดูตัวเลขคาดการณ์ GDP ของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนของ ADB จะเห็นว่า การที่เศรษฐกิจไทยเติบโตนั้นก็เติบโตล้อตามการเติบโตของทั้งภูมิภาค ไม่ใช่ว่าเราโดดเด่นเพียงรายเดียว และจากตัวเลขนี้จะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำสุดในอาเซียน ยกเว้น สิงคโปร์และบรูไน ที่จัดเป็นกลุ่มประเทศที่มีรายได้ประชาชาติต่อหัวสูงกว่าไทยประมาณ 5-7 เท่า
ทั้งนี้จากข้อมูลดังกล่าวอาจมีข้อโต้แย้งว่า ประเทศที่มีระดับการพัฒนาตามหลังไทย เช่น สปป.ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม และเมียนมา อาจเติบโตในอัตราที่สูงกว่าไทย
แต่ในอีกด้านหนึ่ง มาเลเซียที่มีฐานะทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในด้านรายได้ประชาชาติต่อหัวที่สูงกว่าไทยเกือบเท่าตัว ก็ยังมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าไทย โดยในปี 2560 และปี 2561 นี้คาดว่าจะเติบโต 5.4% ในขณะที่ไทยได้รับการคาดการณ์ว่าจะเติบโตเพียง 3.5% และ 3.6% ตามลำดับ
