นอกจากรสชาติความอร่อยที่สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ‘อาหารไทย’ ยังถูกยกให้เป็น ‘ยาธรรมชาติ’ ด้วยสรรพคุณทางยาของสมุนไพรที่เป็นส่วนประกอบในอาหารไทย อาทิ แกงป่า หากขาดกระชายขาวซอยไปก็คงไม่ครบรส ศาสตร์การแพทย์แผนไทยเชื่อว่าเหง้าและรากกระชายที่ให้รสเผ็ดร้อนจะช่วยขับลม ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ปวดมวนท้อง และปัจจุบันยังมีงานวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS ได้ศึกษาวิจัย ‘กระชายขาว’ พบว่าสารสกัดจากกระชายขาว 2 ชนิด สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของโควิดได้ หรือ ‘หอมแดง’ วัตถุดิบชูรสในยำ ลาบ ต้มยำ หรือเมนูง่ายๆ อย่างไข่เจียวหอมแดง ก็ยังให้คุณประโยชน์ทางยาจากสารเคอร์ซิติน (Quercetin) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ในขณะที่บางเมนูก็มากล้นไปด้วยส่วนผสมของสมุนไพรมากมาย อาทิ ‘ต้มยำ’ ไม่นับโปรตีนที่แล้วแต่ใครจะเลือกใส่ กุ้ง ปลา ไก่ เครื่องต้มยำที่มีหอมใหญ่ หอมแดง ตะไคร้ รากผักชี เห็ดฟาง และพริกขี้หนู เพียง 1 ถ้วย ก็เหมือนได้รับยาขนานเอกจากธรรมชาติแล้ว แม้แต่เมนูกินเล่นอย่าง ‘เมี่ยงคำ’ ส่วนผสมหลักอย่าง มะนาวหั่นพร้อมเปลือกและหอมแดงสด จัดเป็นสมุนไพรที่มีสารเฮสเพอริดิน, รูติน และสารเคอร์ซิตินสูง อีกทั้งยังมีสารเบต้ากลูแคนและวิตามินซีด้วย ป้องกันและเสริมภูมิต้านทานเชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ร่างกายได้
วิถีการปรุงอาหารไทยที่นำพืชผักสมุนไพรรอบตัวมาทำเป็นอาหาร สามารถดึงรสชาติของวัตถุดิบต่างๆ ให้เหมาะเจาะกับแต่ละเมนู และยังมีผลการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากมายถึงสรรพคุณทางยาที่ช่วยบำรุงสุขภาพและรักษาโรค หากนำจุดเด่นเรื่องความอร่อยไม่แพ้ชาติใดในโลกผสมผสานกับคุณค่าทางโภชนเภสัช อาจกล่าวได้ว่าอาหารไทยเป็น ‘ยาที่อร่อยที่สุดในโลก’ กลายเป็นมิติใหม่ของวัฒนธรรมอาหารไทยที่ควรค่าแก่การส่งต่อวัฒนธรรมนี้ให้ทั่วโลกรับรู้
ชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวถึงบทบาทของกรมส่งเสริมวัฒนธรรมในการผลักดันอาหารไทยมิติใหม่
“เรามีหน้าที่สืบสาน รักษา และต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมให้ยั่งยืน อาหารเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมจึงขึ้นทะเบียนอาหารไทย 20 รายการ เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม อาทิ ต้มยำกุ้ง แกงเผ็ด แกงพุงปลา แกงเขียวหวาน ส้มตำ เป็นต้น และในอนาคตเราตั้งใจที่จะขึ้นทะเบียนอาหารไทยอีกหลายรายการ
“แต่การจะสืบสานวัฒนธรรมให้ยั่งยืนต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย เช่น มรดกภูมิปัญญาก็ต้องมีชุมชนหรือชาวบ้านที่เป็นเจ้าของมรดกมาต่อยอด จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่าง กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) จัดทำโครงการ ‘ไทยเทสเทอราปี (Thai Taste Therapy)’ เพราะอาหารไทยไม่ได้มีแค่ความอร่อย แต่ยังอุดมด้วยคุณประโยชน์จากผักและสมุนไพรพื้นถิ่น เมื่อนำมาเป็นส่วนประกอบหลักในเมนูต่างๆ กลายเป็นโภชนเภสัชที่มีสรรพคุณทางยา ช่วยบำรุงสุขภาพและรักษาโรค และเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำโครงการนี้ ซึ่งสอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ทุกคนใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ จึงหยิบจุดเด่นความครบรสของอาหารไทยมาชูและยกประเด็นเรื่องคุณค่าทางยาของวัตถุดิบ สมุนไพร สร้างการรับรู้ว่าอาหารไทยเป็น ‘ยาที่อร่อยที่สุดในโลก’
‘ไทยเทสเทอราปี (Thai Taste Therapy)’ จะพาคุณไปค้นพบความมหัศจรรย์ของอาหารไทยในมิติด้านคุณค่าโภชนาการ ความโดดเด่นด้วยสรรพคุณทางยา เมื่อผสานเข้ากับฝีมือการปรุงของ 50 เชฟอาหารไทยชื่อดังระดับเวิลด์คลาส รังสรรค์เป็น 50 เมนูอาหารไทยที่อุดมด้วยโภชนเภสัชใน 3 กลุ่มอาหาร ได้แก่ 1) 22 เมนูอาหารเสริมภูมิต้านทาน 2) 10 เมนูอาหารจากกัญชา และ 3) 18 เมนูรักษาโรคจากสมุนไพรท้องถิ่น
ก่อนจะคลิกเข้าไปดูทั้ง 50 สูตรอาหารไทย เราขอยกตัวอย่าง 3 เมนู จาก 3 เชฟชื่อดังมากระตุกต่อมหิวกันก่อน เริ่มกันที่ เชฟแอนดี้ ยังเอกสกุล เชฟมิชลินสตาร์ 1 ดาว ผู้บุกเบิกเรื่องราวอาหารไทยคือยา ด้วยความเชื่อที่ว่า ไม่ว่าจะแกงหรือต้มยำ หากรังสรรค์ด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง จะสามารถรักษาคุณค่าของวัตถุดิบได้อย่างครบถ้วน อย่างเมนู ‘กุ้งซอสมะขามเปรี้ยวหวานสร้างภูมิ’ เชฟแอนดี้ดึงสรรพคุณของมะขามเปียกที่มีวิตามินซี เสริมภูมิต้านทานในร่างกาย และกระเทียม สุดยอดสมุนไพรของไทยมาช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และพริกแห้ง ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด ลดน้ำมูก ให้กลายเมนูเสริมภูมิต้านทานแบบไทยๆ ที่อร่อยครบรส
ต่อกันที่ เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของร้าน ‘Blue Elephant’ ร้านอาหารไทยชื่อดังที่มีสาขาทั่วโลก และยังเป็นเชฟไทยเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลครีเอทีฟเชฟ จาก Hospitality Asia Platinum Awards (Hapa) 2008-2010 เสน่ห์อาหารไทยในมุมมองของเชฟนูรอ อยู่ที่ความหลากหลายของรสชาติที่ผสานกันอย่างลงตัว โดยมีสมุนไพรที่ช่วยชูรสและยังเสริมคุณประโยชน์ทางยาให้กับอาหารไทยจนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ต่างชาติให้การยอมรับ เมนู ‘ต้มยำกุ้ง’ ที่รังสรรค์โดยเชฟนูรอ นอกจากกุ้งที่เป็นตัวชูโรง อุดมด้วยธาตุเหล็ก โปรตีน วิตามิน แคลเซียมแล้ว ในต้มยำยังมีข่า สมุนไพรที่ขึ้นชื่อเรื่องการขับลม ช่วยย่อย ป้องกันการอักเสบ ต้านภูมิแพ้ และต้านอนุมูลอิสระ เสริมคุณประโยชน์ด้วยเห็ดฟางที่มีวิตามินซีสูงและกรดอะมิโนสำคัญหลายชนิด จึงป้องกันการเจริญเติบโตของไวรัสที่ทําให้เกิดไข้หวัดใหญ่ได้
และสุดท้าย เชฟเอ็กซ์ อรรถพล ไนโต ถังทอง ‘Executive Chef ประจำโรงแรม Bangkok Marriott The Surawongse’ เชฟไทยดาวรุ่งที่คว้าเหรียญทองจากการแข่งขัน The Culinary World Cup 2014 และได้รางวัล ‘Chef of the Year’ ประจำปี 2018 จากโรงแรมในเครือแมริออททั่วโลก เชฟเอ็กซ์หลงใหลเสน่ห์ของสมุนไพรไทยโดยเฉพาะสมุนไพรสด เพราะทำให้นึกถึงความสดชื่นและกลิ่นเฉพาะของสมุนไพรแต่ละชนิดที่สร้างความกลมกล่อมให้กับอาหารไทยได้ โดยเมนูที่จะถูกใส่ไว้ในโครงการนี้ เชฟเลือกใช้มะเขือเทศที่อุดมด้วยไลโคปีนช่วยต้านอนุมูลอิสระ และพริกแห้ง สร้างภูมิคุ้มกัน บรรเทาหวัด รวมถึงกระเทียม สุดยอดสมุนไพรไทยที่เสริมภูมิคุ้มกันได้อย่างดี ทั้งหมดนี้จะอยู่ในเมนู ‘สปาเก็ตตีน้ำพริกอ่อง’ ในสไตล์ไทยฟิวชัน
ทั้ง 50 เมนูที่รังสรรค์โดย 50 เชฟ จะเผยแพร่ในรูปแบบ Online Cooking Class บนเว็บไซต์ www.thaitastetherapy.com เพื่อให้ชาวไทยและต่างชาติสามารถดูสูตรและทำตามแบบ DIY Home Cooking อีกทั้งยังสามารถสั่งซื้อวัตถุดิบที่ใช้สำหรับสูตรนั้นๆ ผ่านแพลตฟอร์มนี้ได้ทันที มีครบตั้งแต่ผัก สมุนไพร เครื่องแกง เครื่องปรุง เพื่อให้คนรักสุขภาพจากทุกมุมโลกสามารถสั่งซื้อวัตถุดิบที่ต้องการได้ทันทีและเข้าถึงอาหารไทยได้อย่างง่ายดาย