เลขาธิการ ก.ล.ต. หารือตลาดหลักทรัพย์และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย เร่งปรับปรุงทบทวนแนวปฏิบัติโบรกเกอร์ดูแล Short Selling ให้เข้ากับบริบทปัจจุบัน และตามข้อสังเกตของ ก.ล.ต. ป้องกันการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ว่า กรณีที่มีการรายงานข่าวออกมาว่า ที่ประชุมร่วมกันของคณะทำงานระหว่างสำนักงาน ก.ล.ต., ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.), สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) วานนี้ (19 ธันวาคม) มีคัสโตเดียน (Custodian) แห่งหนึ่งยอมรับว่า มีลูกค้าที่ทำธุรกรรมการ Short Selling หุ้นโดยไม่ได้ใส่เครื่อง S ก่อนที่จะส่งคำสั่ง ทำให้ไม่ต้องรอให้มีออร์เดอร์โยน Bid นำหน้า โดยสามารถทำ Short Selling หุ้นได้เลย ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นั้น
สำนักงาน ก.ล.ต. ขอยืนยันว่าในที่ประชุมดังกล่าวไม่มีการพูดถึงในประเด็นตามที่เกิดกระแสข่าวขึ้น และยืนยันว่าไม่พบธุรกรรมการ Short Selling หุ้นโดยไม่ได้ใส่เครื่อง S ก่อนที่จะส่งคำสั่ง ทั้งนี้ การประชุมที่เกิดขึ้นวานนี้ (19 ธันวาคม) ได้หารือร่วมกันในประเด็นการทบทวนแนวปฏิบัติสำหรับสมาชิกคือโบรกเกอร์ ในธุรกรรมขายชอร์ต (Short Selling) ให้เข้ากับบริบทปัจจุบัน และตามข้อสังเกตของ ก.ล.ต. ที่ให้ไปเพื่อทำให้มั่นใจยิ่งขึ้นว่าโบรกเกอร์มีแนวปฏิบัติที่มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อป้องกันการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ร่วมกับการตรวจสอบของหน่วยงานกำกับต่อไป
“การประชุมเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม เป็นการหารือระหว่างสำนักงาน ก.ล.ต., ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ASCO ในเรื่องการทบทวนแนวปฏิบัติเพื่อดูแลการรับส่งคำสั่งซื้อ-ขายของลูกค้า รวมถึงดูแลการ Short Selling มีความรัดกุมเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ใช่การออกเกณฑ์ของ ก.ล.ต. แต่เป็นข้อตกลงของผู้ประกอบการ ซึ่งที่ผ่านมามีการประชุมกัน 2-3 ครั้งแล้ว โดยจะมีการประชุมอีกรอบในเดือนมกราคมปีหน้า หากได้ข้อสรุปก็นำมาเสนอขอความเห็นชอบต่อ ก.ล.ต. เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน คาดว่าแนวปฏิบัติที่ปรับปรุงใหม่น่าจะเริ่มใช้ได้ช่วงต้นปี 2567 นี้”
ก่อนหน้านี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยกระดับเกณฑ์คุม Short Selling การดำเนินการ รวมทั้งการปรับปรุงกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ แบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่
- การประสานความร่วมมือกับสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อตรวจสอบการทำ Short Selling ทั้งหมด โดยเฉพาะการตรวจสอบบัญชีที่เรียกว่า Omnibus Account หรือบัญชีรวมผู้ลงทุนหลายรายโดยไม่เปิดเผยชื่อผู้ลงทุน เพื่อตรวจสอบว่าผู้ลงทุนที่แท้จริง (End Beneficiary) เบื้องหลังบัญชีเหล่านี้เป็นใครบ้าง
- การส่งหนังสือเวียนไปยังบริษัทสมาชิก เช่น บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทที่ไม่ใช่สมาชิก รวมถึงคัสโตเดียนต่างประเทศ เพื่อขอให้ช่วยกันสอดส่องและดูแลให้การทำ Short Selling เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎเกณฑ์ พร้อมทั้งได้ปรับปรุงกฎเกณฑ์ โดยกำหนดให้บริษัทสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งหลักฐานยืนยันเกี่ยวกับการทำ Short Selling มาให้ภายใน 15 วัน หากไม่สามารถส่งหลักฐานมาได้ทันตามกำหนด จะสันนิษฐานไว้ก่อนว่าการทำ Short Selling ดังกล่าวเป็นการทำ Naked Short Selling
- การทบทวนความเป็นธรรมระหว่างนักลงทุนที่ซื้อ-ขายผ่าน Program Trading และนักลงทุนที่ไม่ได้ใช้ Program Trading โดยเปรียบเทียบกับแนวปฏิบัติของตลาดต่างประเทศเพื่อพิจารณาความเหมาะสม รวมทั้งการนำข้อมูลการซื้อ-ขายของนักลงทุนแต่ละกลุ่มมาพิจารณาประกอบ
- การตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อช่วยตรวจสอบและให้ข้อเสนอแนะในเรื่องการตรวจสอบ Naked Short Selling คณะทำงานดังกล่าวจะประกอบด้วยตัวแทนจาก ก.ล.ต., ตัวแทนจากตลาดหลักทรัพย์ และผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการประสานกับตัวแทนจากตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ (KRX) และตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq เพื่อมาร่วมพิจารณาว่ากฎเกณฑ์ในปัจจุบันยังมีช่องว่างอะไรที่ต้องปรับปรุงและดำเนินการเพิ่มเติม