×

นักแล่นใบทีมชาติไทยชุดโอลิมปิกเข้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก่อนเดินทางไปโอมานเพื่อร่วมแข่งขันคัดเลือกไปโอลิมปิก 1-8 เม.ย. นี้

10.03.2021
  • LOADING...
นักแล่นใบทีมชาติไทยชุดโอลิมปิกเข้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก่อนเดินทางไปโอมานเพื่อร่วมแข่งขันคัดเลือกไปโอลิมปิก 1-8 เม.ย. นี้

วันนี้ (10 มีนาคม) เมื่อเวลา 13.30 น. พล.ร.อ. นริส ประทุมสุวรรณ นายกสมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นำนักกีฬาแล่นใบมาทำการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19  

 

โดยมีนักแล่นใบทีมชาติไทยจำนวน 8 คนมารับการฉีดที่สถาบันบำราศนราดูร ประกอบด้วย จ.ท. กีระติ บัวลง, ชูศิษฐ์ ปัญจมาลา, กมลชนก กล้าหาญ, นิชาภา ไหวไว, ร.ต. มานัส โพธิ์ทอง ร.น. (ผู้ฝึกสอน), จ.ต. นาวี ธรรมสุนทร (ผู้ฝึกสอน), น.ท. พรชัย แสวงคุณ ร.น. (ผู้ควบคุมทีม)

 

โดยนักแล่นใบทีมชาติไทยชุดนี้ จะเดินทางไปประเทศโอมานเพื่อร่วมการแข่งขันคัดเลือกไปโอลิมปิก ระหว่างวันที่ 1-8 เมษายนนี้ ในประเภท Laser Standard, 49er และ 49erFX โดยเป็นสนามคัดเลือกสนามสุดท้ายของทวีปเอเซีย 

 

ซึ่งนักกีฬาที่จะส่งไป ประกอบด้วย ประเภท Laser Standard จ.ท. กีระติ บัวลง, ชูศิษฐ์ ปัญจมาลา, อธิษฐ์ โรมานิก ในประเภท 49er ดอน วิทคราฟท์ และ ดีแลน วิทคราฟท์ ประเภท 49er FX กมลชนก กล้าหาญ และ นิชาภา ไหวไว ในส่วนของผู้ฝึกสอน ประกอบด้วย ร.ต. มานัส โพธิ์ทอง ร.น. และ จ.ต. นาวี ธรรมสุนทร รวมถึงผู้ควบคุมทีม คือ น.ท. พรชัย แสวงคุณ ร.น.

     

พล.ร.อ. นริส เปิดเผยว่า นักกีฬาทุกคนมีความพร้อม และได้ทำการฝึกซ้อมมาอย่างต่อเนื่อง มีนักกีฬา 49er คือ ดอน กับ ดีแลน วิทคราฟท์ ฝึกซ้อมอยู่ในยุโรป โดยกติกาการคัดเลือกครั้งนี้ ประเภท Laser Standard มี 2 ที่นั่ง ประเภท 49er มี 1 ที่นั่ง ประเภท 49erFX มี 1 ที่นั่ง ทั้งนี้ ประเทศผู้ชนะในแต่ละประเภท ที่ยังไม่มีนักกีฬาที่ผ่านการคัดเลือก จะเป็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือก

 

ในส่วนของความคาดหวังในการคัดเลือกครั้งนี้ ทางสมาคมมีความคาดหวังใน 2 ประเภท คือ Laser Standard และ 49er 

 

สำหรับขั้นตอนการเข้ารับวัคซีนของนักกีฬาทีมชาติไทยนั้น สมาคมกีฬาเรือใบฯ ถือเป็นสมาคมกีฬาแรกของประเทศไทยที่นักกีฬาได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดย นิชาภา ไหวไว เป็นนักกีฬาคนแรกที่ได้รับการฉีด 

 

โดยก่อนหน้านี้ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำเสนอเรื่องการเตรียมการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย ที่มีภารกิจต้องเดินทางออกไปแข่งยังต่างประเทศต่อทางคณะรัฐมนตรีไป ก็ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลที่จะจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับกลุ่มนักกีฬาทีมชาติไทย ที่ทาง กกท. ได้นำเสนอเเผนผลักดันการฉีดวัคซีนให้กับนักกีฬา 5 กลุ่ม  

 

ประกอบไปด้วย กลุ่มที่ 1 นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะต้องเดินทางไปแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมชิงโควตาไปแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิก ในช่วงเดือนมีนาคม 

 

กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่จะเดินทางไปเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิก ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนที่ประเทศญี่ปุ่น 

 

กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่จะเดินทางไปแข่งขันซีเกมส์ในเดือนพฤศจิกายนที่เวียดนาม 

 

กลุ่มที่ 4 กลุ่มที่จะเดินทางไปร่วมแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ต้นปี 2565 ที่ประเทศจีน 

 

และกลุ่มที่ 5 กลุ่มที่จะลงแข่งขันเอเชียนอินดอร์-มาร์เชียลอาร์ตสเกมส์ ในช่วงต้นปี 2565 

 

ด้าน ธัชนาถ ทองประกอบ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศของ กกท. ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ถึงขั้นตอนการฉีดวัคซีนให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยว่า

 

“ขั้นตอนคือทาง กกท. ได้รวบรวมจำนวนนักกีฬาทั้งหมดจากเดือนมีนาคมจนถึงปีหน้า ที่จะไปคัดเลือกและแข่งขันโอลิมปิก และพาราลิมปิก ซีเกมส์ โอลิมปิกฤดูหนาว เอเชียนอินดอร์-มาร์เชียลอาร์ตสเกมส์

 

“กกท. รวมจำนวนนักกีฬาที่จะต้องใช้วัคซีนทั้งหมดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยลงนามขอความอนุเคราะห์ประสานเรื่องของวัคซีนให้กับนักกีฬาที่จะไปแข่งขัน และมีความจำเป็นต้องใช้วัคซีนจำนวนกว่า 5,000 คน และส่งผ่านให้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณาโควตาการใช้วัคซีนสำหรับนักกีฬาในแต่ละช่วงตามลำดับความสำคัญในแต่ละช่วง 

 

“ในตอนนี้ กกท. จะประสานสมาคมกีฬาต่างๆ ยืนยันความประสงค์ที่จะส่งนักกีฬาไปคัดเลือก ยืนยันทั้งจำนวนนักกีฬา จำนวนรายการ และความต้องการวัคซีน ประกอบกับกฎกติกาของแต่ละสหพันธ์กีฬาในการแข่งขัน กลับมายัง กกท. เตรียมประสานตามลำดับก่อนหน้านี้ เพื่อส่งเรื่องต่อให้กับกรมควบคุมโรค พิจารณาการจัดสรรวัคซีนในแต่ละกลุ่ม 

 

“กรณีของกีฬาเรือใบเป็นสมาคมกีฬาที่ส่งรายชื่อ และกำหนดการแข่งขัน รวมถึงรายชื่อนักกีฬาที่จะไปแข่งขันรอบคัดเลือก จนวันนี้ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นสมาคมแรกของประเทศไทย”

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising