×

เศรษฐกิจไทยอ่อนแอเกินคาด ‘กกร.’ ฝากความหวังที่การท่องเที่ยว หนุนรัฐบาลเปิดฟรีวีซ่าจีน เร่งอัดฉีดค่าครองชีพ หลังหั่น GDP ทั้งปีลงเหลือ 3%

07.09.2023
  • LOADING...
ผยง ศรีวณิช

กกร. หั่นเป้า GDP ปีนี้โต 2.5-3% จากเดิมประเมินไว้ที่ 3-3.5% หลังเศรษฐกิจโลกชะลอ ส่งออกติดลบนาน 10 เดือนติดต่อกัน หนักสุดคือภาคการผลิตแผ่วลงทุกหมวดสินค้า ห่วงสัญญาณอันตรายสินค้าจีนทะลักเข้าไทย หวังรัฐบาลใหม่เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ อัดฉีดมาตรการลดค่าครองชีพ และกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว รวมถึงไฟเขียวฟรีวีซ่าจีนและเพิ่มเที่ยวบิน ขณะที่มุมมองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่อย่างเงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น ขอรอดูแนวทางที่ชัดเจนในวันที่ 11 กันยายน ที่จะมีการแถลงต่อรัฐสภา 

 

ผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประจำเดือนกันยายนว่า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอ ภาวะเศรษฐกิจจีน และการส่งออกของไทยติดลบหลายเดือนติดต่อกัน ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจไทยอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด กกร. จึงปรับคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในปี 2566 จากเดิม 3-3.5% ลดลงเหลือ 2.5-3.0% เนื่องจากเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 เติบโตเพียง 1.8% ต่ำกว่าที่คาดไว้มากว่าจะอยู่ที่ 3.1% แต่ยังคงกรอบส่งออกแดนลบ 0.5-2.0% 

 

โดยภาคการผลิตอุตสาหกรรมเป็นภาคที่มีการหดตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับมูลค่าการส่งออกที่ติดลบต่อเนื่องมา 10 เดือน และติดลบแทบทุกหมวด ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐก็หดตัวต่อเนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณที่มีแนวโน้มล่าช้า

 

ความหวังอยู่ที่ภาคการท่องเที่ยว

 

นอกจากนี้ รายได้จากการท่องเที่ยวยังต่ำกว่าที่คาด เนื่องจากการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังต่ำกว่าปกติอยู่ราว 13% และค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปของคนไทยที่เที่ยวในประเทศลดลงจากปกติราว 30%

 

อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวจะเป็นเครื่องยนต์ที่สำคัญอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในไตรมาสที่เหลือ ซึ่งที่ประชุม กกร. มองว่าการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่กระเป๋าหนา น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่รัฐบาลควรเร่งรัดและออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยเร็ว โดยเฉพาะมาตรการฟรีวีซ่า รวมทั้งการเพิ่มเที่ยวบิน และการประชาสัมพันธ์เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้าประเทศอย่างปลอดภัย 

 

ยังคงจับตาเศรษฐกิจโลก และภาวะเศรษฐกิจจีน

 

ทั้งนี้ ปัจจัยกดดันสำคัญจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ในเดือนสิงหาคมของประเทศหลักยังหดตัว ส่งผลให้กิจกรรมเศรษฐกิจในภาคบริการอ่อนแรงลงต่อเนื่องเช่นกัน 

 

โดยเฉพาะจุดเปราะบางสำคัญคือการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากปัญหาการผิดนัดชำระหนี้และกำลังซื้อที่หดตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 5% เท่านั้น และมีแนวโน้มจะลดลงในปีหน้า ดังนั้นเศรษฐกิจโลกจึงได้รับแรงกดดันและส่งผลให้ภาคการส่งออกของไทยมีอุปสรรคในการฟื้นตัวไปด้วย

 

เรื่องเร่งด่วนถึงรัฐบาลใหม่

 

นอกจากเร่งกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาแล้ว กกร. มองว่ารัฐควรมีมาตรการเพื่อเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ในระยะสั้น โดยเฉพาะเรื่องการลดภาระค่าครองชีพ รายจ่ายค่าไฟ และราคาน้ำมัน เพื่อเพิ่มกำลังซื้อในประเทศ รวมถึงการผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน 

 

ขณะเดียวกันยังต้องพิจารณามาตรการเพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนการส่งออกไปยังตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตได้ รวมถึงเร่งจัดทำมาตรการเพื่อเสริมสร้างรายได้ให้กับ SMEs และครัวเรือน เพื่อแก้ปัญหาภาระหนี้ได้อย่างทั่วถึงและยั่งยืน

 

ต่อคำถามที่ว่า สมาคมธนาคารไทยคิดเห็นอย่างไรต่อนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท และมองว่าหากจะทำได้จริงต้องใช้ระบบใดนั้น ผยงย้ำว่า “ต้องรอนโยบายที่ชัดเจนในวันที่ 11 กันยายนที่จะมีการแถลงต่อรัฐสภา ต้องดูว่าจะใช้ระบบไหน อย่างไร” 

 

และเมื่อถามว่า ควรดำเนินการผ่านระบบบล็อกเชนหรือไม่นั้น ผยงรอบว่า “ต้องรอโจทย์” 

 

สินค้าจีนทะลักไทย

 

นอกจากนี้ กกร. ยังกังวลว่า 20 กลุ่มอุตสาหกรรมกำลังได้รับผลกระทบจากสินค้าจีนทะลักเข้ามา ซึ่งหากไม่มีมาตรการกำกับดูแลราคาสินค้านำเข้าดังกล่าวจะเกิดผลกระทบอย่างหนัก 

 

ดังนั้น กกร. จึงขอเสนอให้รัฐเข้มงวดในการตรวจจับสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ผ่านกลไกจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และกรมศุลกากร 

 

ส่วนมุมมองดอกเบี้ยที่ปัจจุบันอยู่ในอัตรา 2.25% ผยงมองว่าเป็นระดับสมดุลแล้ว เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง ทำให้สถาบันการเงินได้ชะลอการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระบบ

 

“คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะประชุมปลายเดือนกันยายนนี้ จะเป็นอย่างไรคงต้องรอดู แต่เชื่อว่าแรงกดดันต่อเงินเฟ้อลดลงมากแล้ว” ผยงกล่าว 

 

ส.อ.ท. – หอการค้า แนะรัฐบาลใหม่อัดฉีดมาตรการเพื่อลดค่าครองชีพ

 

ด้านเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลเร่งด่วนที่อยากให้เร่งทำคือการแก้ไขปัญหาปากท้องชาวบ้าน โดยเฉพาะลดค่าไฟและน้ำมัน เพราะถือเป็นการลดค่าครองชีพที่เร็วและหยุดต้นตอได้ ส่วนมาตรการอื่นๆ ที่จะกระตุ้นก็ต้องเติมเข้ามา เช่น การทำให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุน ทั้งหมดนี้เชื่อว่าวันที่ 11 กันยายน หลังแถลงนโยบายจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น

 

สอดคล้องกับ สนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่กล่าวว่า นโยบายลดราคาน้ำมันและค่าไฟเป็นสิ่งที่รัฐบาลน่าจะทำได้ทันทีและจะช่วยเรื่องปากท้องชาวบ้าน ส่วนเรื่องท่องเที่ยวที่มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นอกจากขอให้ออกมาตรการฟรีวีซ่าจีนแล้ว จะต้องเพิ่มเที่ยวบินและประชาสัมพันธ์ให้ชาวจีนเชื่อมั่นจากปัญหาข่าวลือว่ามาท่องเที่ยวไทยแล้วไม่ปลอดภัย ซึ่งส่วนนี้ต้องทำงานร่วมกันกับภาครัฐและสถานทูตไทยในจีนด้วย

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising