วันนี้ (6 มกราคม) ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จังหวัดสระแก้ว พล.ต.ท. ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ประชุมร่วมกับ Kim Suvanna กงสุลใหญ่กัมพูชาประจำประเทศไทย, พล.ท. เป็ก วันนา หัวหน้าประสานงานชายแดนกัมพูชา-ไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือมาตรการป้องกันแรงงานไทยที่ลักลอบไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งนายทุนต่างชาติที่เดินทางเข้า-ออกไทยโดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว พร้อมลงพื้นที่สำรวจจุดเสี่ยงช่องทางธรรมชาติที่เป็นเส้นทางหลบเลี่ยงและที่กบดานของแรงงานไทยเพื่อไปทำงานในประเทศกัมพูชา
พล.ต.ท. ภาณุมาศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเข้มงวดกวดขันคนต่างชาติที่เดินทางเข้า-ออกไทยมากผิดปกติ ซึ่งเชื่อว่าอาจไปทำธุรกิจผิดกฎหมาย และอาศัยประเทศไทยเป็นเส้นทางหลอกหรือเป็นแหล่งที่พำนักเพื่อไปทำงานที่กัมพูชา ทั้งนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เพิ่มมาตรการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยบ่อยครั้งแต่ไม่มีปัจจัยยังชีพ เช่น ไม่มีแผนการท่องเที่ยว หรือไม่มีเงินสดติดตัว หรือคนที่เข้ามาหลายครั้งในรอบปีแต่ไม่มีหลักฐานการท่องเที่ยว ก็จะปฏิเสธการเข้าเมือง และบันทึกประวัติไว้ทันที
นอกจากนี้ยังดำเนินคดีคนไทยที่ถูกเจ้าหน้าที่กัมพูชาจับกุม ข้อหาหลบหนีเข้าเมือง แล้วถูกผลักดันกลับมาไทย ซึ่งจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ฐานเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านตามช่องทาง, ด่านตรวจคนเข้าเมือง, เขตท่า, สถานี หรือท้องที่
พล.ต.ท. ภาณุมาศ กล่าวต่อว่า จากสถิติปี 2567 มีคนไทยที่ถูกส่งกลับนับตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม รวมทั้งสิ้น 210 คน ส่วนใหญ่อายุประมาณ 20-30 ปี ซึ่งได้ให้ข้อมูลอีกว่า ณ ตอนนี้การลักลอบออกนอกประเทศนั้นมักจะออกโดยผ่านพื้นที่ส่วนบุคคล โดยเฉพาะพื้นที่เฝ้าระวังบริเวณรับฝากรถยนต์จำนวน 7 แห่งตามแนวชายแดน
ในขณะที่ สุเทพ ชัยวัฒน์ ปลัดจังหวัดสระแก้ว กล่าวด้วยว่า ชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นแผ่นดินติดแผ่นดิน มีระยะทางกว่า 165 กิโลเมตร ซึ่งทางฝ่ายปกครองก็ได้มีการขอความร่วมมือผู้ใหญ่บ้านคอยสอดส่องและส่งข้อมูลให้ทางจังหวัด
เลียม โซดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา กล่าวอีกว่า ทางกัมพูชารับทราบข้อมูลของทางฝั่งไทยแล้ว และพร้อมให้ความร่วมมือกับฝั่งไทยในการสกัดกั้นคนข้ามแดนผิดกฎหมาย