ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทยกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Kantar Worldpanel เผยข้อมูลล่าสุดที่แสดงให้เห็นพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการเติบโตของผู้ผลิตรายย่อยที่เข้ามาท้าชนแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่างสิงห์และช้าง ในตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลตั้งแต่ปี 2566
เบียร์ยังคงครองบัลลังก์ความนิยมด้วยส่วนแบ่งตลาดถึง 70% มีครัวเรือนไทยกว่า 8.2 ล้านครัวเรือนที่ซื้อเบียร์มาดื่มที่บ้าน สร้างยอดซื้อทะลุ 9 หมื่นล้านครั้งต่อปี แม้จำนวนผู้ซื้อจะลดลง แต่ปริมาณการบริโภคทั้งในและนอกบ้านกลับเพิ่มขึ้น ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคที่ยังคงดื่มเบียร์มีปริมาณการบริโภคต่อครั้งที่สูงขึ้น
การเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามองคือการถดถอยของแบรนด์ยักษ์ใหญ่ทั้งไทยและต่างประเทศ อย่างสิงห์, ช้าง, ไฮเนเก้น และบัดไวเซอร์ ที่เริ่มสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับแบรนด์ท้องถิ่นหรือคราฟต์เบียร์ ที่เข้ามาสร้างสีสันใหม่ในตลาด
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการผงาดขึ้นของ RTD หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมดื่ม ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้หญิงถึง 70% และกลุ่มคนรุ่นใหม่วัย 20 ปี โดยครองส่วนแบ่ง 40% ของยอดขาย
ชีวานนท์ ปิยะพิทักษ์สกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส Kantar Worldpanel ประเทศไทยและมาเลเซีย เผยว่า “ความท้าทายในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทยไม่ได้อยู่ที่การแข่งขันระหว่างแบรนด์ใหญ่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเข้ามาของผู้ผลิตรายเล็กที่สร้างทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภค”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือความแตกต่างระหว่างพฤติกรรมผู้บริโภคไทยกับต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่ชาวตะวันตกให้ความสำคัญกับสุขภาพอย่างมาก จนมองว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งไม่ดี และหันไปนิยมเครื่องดื่ม 0% แอลกอฮอล์แทน แต่ในไทยกลับไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากคนไทยนิยมปรับแต่งรสชาติด้วยการผสมโซดาหรือน้ำอัดลมมากกว่าการเลือกดื่มเพื่อสุขภาพ
ในส่วนของตลาดสุราเริ่มเห็นการเติบโตที่น่าสนใจในบางประเภท โดยเฉพาะบรั่นดีและโซจูที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แม้ภาพรวมตลาดจะหดตัว แต่แบรนด์อย่างรีเจนซี่ก็ยังสามารถดึงดูดผู้ซื้อใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม วิสกี้กลับกลายเป็นหมวดที่เติบโตช้าที่สุดในตลาดแอลกอฮอล์ แม้จะเป็นเครื่องดื่มที่มีภาพลักษณ์หรูหรา
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าจับตามองเกี่ยวกับผลกระทบของการทำให้กัญชาถูกกฎหมายต่อการบริโภคแอลกอฮอล์ รวมถึงรูปแบบการดื่มที่บ้านว่ายังคงเกิดขึ้นส่วนใหญ่ในวันศุกร์และเสาร์เช่นเดิมหรือไม่ รวมถึงโอกาสในการดื่มที่แตกต่างกันของเครื่องดื่มแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นการฉลองเทศกาล การดื่มหลังเลิกงาน หรือการดื่มเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จ
ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องจับตามองคือพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การปรับตัวให้ทันกับเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะกำหนดว่าใครจะเป็นผู้ชนะในสมรภูมิเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่กำลังร้อนระอุนี้
เพราะเมื่อกฎเกณฑ์เปลี่ยน เกมการแข่งขันย่อมต้องเปลี่ยนตาม และผู้ที่ปรับตัวได้เร็วที่สุดเท่านั้นที่จะอยู่รอดในตลาดที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้
ภาพ: Tirachard Kumtanom / Shutterstock