×

เงินบาทเปิดแข็งค่า แตะ 36.72 บาทต่อดอลลาร์ ผู้เล่นในตลาดรอลุ้นผล กนง.-จับตาคดียุบพรรคก้าวไกล

12.06.2024
  • LOADING...

วันนี้ (12 มิถุนายน) พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.72 บาทต่อดอลลาร์ ‘แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย’ จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.75 บาทต่อดอลลาร์

 

“นับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในช่วง 36.68-36.78 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวที่ไร้ทิศทางชัดเจนของเงินดอลลาร์ รวมถึงราคาทองคำ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างก็รอลุ้นปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และผลการประชุม Fed (ไฮไลต์สำคัญคือ Dot Plot ใหม่)” พูนกล่าว

 

โดยวันนี้ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 14.00 น. ซึ่ง Krungthai GLOBAL MARKETS มองว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.50% ด้วยมติไม่เป็นเอกฉันท์ 5-2 ทว่าผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจต่อมุมมองของ กนง. ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ (จะมีการปรับเปลี่ยนคาดการณ์เศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่) และการส่งสัญญาณต่อแนวโน้มนโยบายการเงิน 

 

นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว ประเด็นการเมืองในประเทศไทยอย่าง การพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกลก็จะเป็นอีกปัจจัยที่ผู้เล่นในตลาดต่างจับตามองเช่นกัน  

 

เปิดแนวโน้มของค่าเงินบาท

 

Krungthai GLOBAL MARKETS ประเมินว่า ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways แถวระดับ 36.60-36.80 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้ปัจจัยสำคัญในวันนี้

 

อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงตลาดทยอยรับรู้ปัจจัยเสี่ยงการเมืองในประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของบรรดานักลงทุนต่างชาติต่อการลงทุนในสินทรัพย์ไทยได้ และในช่วงที่ตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม กนง.

 

โดยหาก กนง. มีการส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ย หรือ ‘เซอร์ไพรส์’ ตลาดด้วยการลดดอกเบี้ยลง (เรามองว่าโอกาสเกิดน้อยมาก) ก็อาจกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้ไม่ยาก

 

ประเมินกรอบเงินบาทอยู่ที่ 36.50-37.00 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ไปจนถึงผลการประชุม FOMC

 

ฝั่งดอลลาร์ ตลาดจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ-Fed

 

ขณะที่เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างก็รอลุ้นทั้งอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และผลการประชุม Fed นอกจากนี้เรายังคงเห็นแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD (มองเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น) ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน ก่อนที่จะรับรู้ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้ดังกล่าว ทำให้โดยรวมดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 105.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.2-105.5 จุด) 

 

สำหรับวันนี้ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม (ทยอยรับรู้ในช่วงเวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มชะลอลงมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของโมเมนตัมรายเดือน (%MoM)

 

นอกจากนี้ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุม FOMC ของ Fed (ทยอยรับรู้ในช่วงเวลา 01.00 น. ของเช้าวันพฤหัสบดี ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งเราคาดว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25-5.50%

 

ทว่ามีโอกาสที่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ย หรือ Dot Plot ใหม่ จะสะท้อนว่า Fed อาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ และ 3-4 ครั้งในปี 2025 รวมถึงปี 2026 ส่วนอัตราดอกเบี้ยในระยะยาว (Longer Run) ก็อาจขยับสูงขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 2.75% ได้

 

“โดยหากรายงานข้อมูลดังกล่าวและ Dot Plot ล่าสุดของ Fed ทำให้ตลาดมั่นใจได้ว่า Fed จะสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ เรามองว่าเงินบาทก็มีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้นและอาจทดสอบโซนแนวรับ 36.50-36.60 บาทต่อดอลลาร์ ได้ ตามการอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ที่อาจมาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำเช่นกัน (ลุ้นว่าราคาทองคำจะสามารถปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน 2,380-2,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้หรือไม่)” พูนกล่าว 

 

เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตามการเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่างมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ย Fed ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือ เช่น Options หรือสกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising