บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCBS) เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ (24 กุมภาพันธ์) ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 31.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปรับตัวอ่อนค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน (21 กุมภาพันธ์) ที่ระดับ 31.64 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนหนึ่งเพราะช่วงสุดสัปดาห์และเช้าวันนี้ตลาดการเงินอยู่ในโหมดปิดรับความเสี่ยง (Risk Off) โดยดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวลง 1.1% Euro Stoxx 50 0.59% ขณะที่ราคา Future ของหลายตลาดหลักในเอเชียก็ปรับตัวลงต่อ
จากภาวะดังกล่าว สร้างความกดดันให้ผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลงมาต่ำกว่าระดับ 1.50% โดยลดลงมาซื้อขายที่ระดับ 1.47% ในที่สุด พร้อมกันนี้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ก็ปรับตัวลงต่อ 2.7% สวนทางกับราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,665 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ +1.35%
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงในตลาดเกิดจากความกังวลกับปัญหาโรคโควิด-19 ที่กำลังระบาดไปในหลายประเทศ แม้ในฝั่งสหรัฐอเมริกาที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดครั้งนี้น้อยที่สุด ก็ถูกขายทำกำไรลงมาก่อนฤดูกาลประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ
ทาง บล. ไทยพาณิชย์เชื่อว่า สัปดาห์นี้ (24-28 กุมภาพันธ์) ตลาดจะเปิดด้วยความกังวลกับการระบาดของโรคโควิด-19 ที่กระจายตัวมากขึ้นทั่วเอเชียเหนือ โดยเงินบาทที่อ่อนเร็วดูจะมีแรงต้านไม่มาก เนื่องจากผู้ส่งออกรายใหญ่ไม่มีจังหวะขาย ขณะที่รายเล็กขยับเป้าขึ้นไปรอเหนือระดับ 31.75 บาทต่อดอลลาร์
ส่วนของค่าเงินบาทในสัปดาห์ก่อน (17-21 กุมภาพันธ์) ปรับตัวลง 1.7% ตามสกุลเงินทั่วโลก เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเงินวอนของเกาหลีใต้ที่อ่อนค่าหนักถึง 2.6% เป็นสกุลเงินนำ
ในระยะสั้น ทิศทางของสกุลเงินหลักต้องติดตามว่า ดอลลาร์จะอ่อนค่าลงจากบอนด์ยีลด์ที่ย่อตัวได้แค่ไหน ส่วนฝั่งเงินบาทเชื่อว่า จะมีแรงรับของผู้นำเข้าหนาแน่นที่ระดับ 31.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยกรอบเงินบาทวันนี้ 31.65-31.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 31.50-32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้ (24-28 กุมภาพันธ์) สิ่งที่ต้องจับตามองคือ
– วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในฝั่งสหรัฐฯ, การรายงานดัชนีความเชื่อมั่นของ Conference Board
– 28 กุมภาพันธ์ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของ University of Michigan ทั้งนี้ หากโรคโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนสหรัฐฯ เสียความมั่นใจ อาจมีความเป็นไปได้ที่ตลาดจะเข้าสู่ภาวะปิดรับความเสี่ยงนานกว่าที่คาด ซึ่งจะกดดันให้บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวลงเร็วกว่าที่อื่นที่ปรับตัวลงไปก่อนหน้าแล้ว เงินดอลลาร์สหรัฐจึงมีความเป็นไปได้ที่ดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับยูโรและเยนได้เช่นกัน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
