ฤดูร้อนไม่เคยหายจากบ้านเราไปไหน และแน่นอนว่าเรามักเคยได้ยินเพื่อนสาวบ่นว่าความร้อนและชื้นของประเทศใกล้เส้นศูนย์สูตรพานให้ไม่อยากหยิบจับอะไรมาทาบำรุงผิวหรือแต่งหน้าแต่งตากันเลย เพราะเกรงว่าจะเหนอะหนะ หรือไม่ก็ไหลเป็นคราบไปกองกัน ทว่าปัญหาเนื้อสัมผัสหนักๆ เหนอะๆ ที่บ่นกันมากว่าทศวรรษนั้น เมื่อมาถึงยุคมิลเลเนียมแล้วก็นับว่าไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป เพราะแบรนด์ต่างๆ รับฟังและแก้ไขเรื่อยมา
มาถึงปีนี้ หากมองไปในภาพรวมตลาดความงามในทุกระดับจะเห็นว่าทิศทางการรังสรรค์เนื้อสัมผัสไปในกระแสเดียวกัน กล่าวคือแต่ละแบรนด์ขับเคี่ยวไม่แพ้กันเพื่อนำเสนอสูตรที่เบาสบาย ติดทนผิวให้เป็นทางเลือกใหม่ เป็นต้นว่าในสกินแคร์สักไลน์ ในหนึ่งสูตรจะมีตัวเลือกเนื้อสัมผัสมาให้อย่างน้อย 2 แบบ คือเข้มข้นกับเบาขึ้นอย่างเนื้อครีมและเนื้อเจล หรือช่วง 1-2 ปีนี้ ทั้งสกินแคร์และเมกอัพต่างมาในเนื้อสัมผัสใหม่ๆ มากขึ้น เช่น เนื้อเจลลี่ เนื้อมูส เพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกเป้าหมาย
Dior Spring/Summer 2018
“เราต้องพัฒนาเนื้อสัมผัสที่ทำให้ผู้บริโภคลองแล้วอยากจะใช้ อยากจะหยิบครีมขึ้นมาทาผิวทุกวันเพื่อส่งผลต่อการใช้เป็นประจำ ซึ่งจะทำให้เห็นผล” บริจิตต์ โน ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสกินแคร์ของ Dior กล่าวไว้ จึงนับว่าการพัฒนาเนื้อสัมผัสให้ชวนดึงดูด น่าใช้ ให้ผิวสบาย ให้ผู้ใช้หลงรักและติดใจ กลายเป็นจุดขายสำคัญที่ไม่ว่าจะแล็บเกาหลี ญี่ปุ่น หรือยุโรป ต่างก็เทความสนใจให้ไม่แพ้การคัดเลือกส่วนผสมที่ใส่เข้าไป
นอกจากนี้ในหลายแบรนด์ยังได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้ทั้งก่อนผลิตและหลังผลิตด้วย “เราได้ทำการสำรวจเฉพาะกลุ่มกับผู้หญิงหลากวัย หลากเชื้อชาติ จากประเทศต่างๆ ด้วยคำถาม เช่น อยากให้ผิวคุณรู้สึกอย่างไรหลังจากทาครีมบำรุงแล้ว ส่วนใหญ่ตอบว่าอยากให้ผิวเนียนนุ่มเหมือนใยไหม” ดร.เฟราก์ นูเซอร์ Principal Scientist จากศูนย์วิจัยของ Olay ที่คอนเนตทิคัตเผย และนี่เองจุดประกายให้ทางแบรนด์พัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ไลน์ใหม่ Olay Whip Collection ภายใต้คอนเซปต์ ‘The weight is over’ ที่ให้สัมผัสเบาสบาย ไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้
ดร.เฟราก์ นูเซอร์ ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์วิจัยของ Olay
อย่างไรก็ตาม ด้วยเนื้อสัมผัสเบาขึ้นของครีมบำรุงยุคใหม่ก็ชวนให้ผู้ใช้บางกลุ่มสงสัยว่าจะให้ผลเต็มประสิทธิภาพเทียบเท่าครีมเนื้อหนักเข้มข้นแบบยุคก่อนหรือไม่ จุดนี้คำตอบคือเทคโนโลยีผลิตเนื้อครีมนั้นล้ำขึ้น ไม่ได้จำกัดที่เนื้ออิมัลเลียนต์หนักๆ เพื่อเคลือบผิวไว้ แต่กลายเป็นเนื้อสัมผัสที่ประกอบด้วยสารบำรุงโมเลกุลเล็กลอยในเบสแบบน้ำ สามารถซึมซาบเข้าไปทำงานข้างในผิว
“สูตรผสมยุคนี้ส่วนใหญ่อาศัยเทคโนโลยีนาโนหรือไมโครเอื้อให้ส่วนผสมแตกเป็นอณูเล็กๆ แล้วจึงห่อหุ้มด้วยแคปซูลเทคโนโลยีอีกที” ดร.กวิตา มาริวัลลา อธิบาย ดังนั้นเวลาทาลงไปบนผิวแล้วจะสังเกตได้ว่าสกินแคร์แนวนี้จะซึมหายเข้าผิวไปอย่างรวดเร็วและค่อยๆ ไปปลดปล่อยสารบำรุงข้างในผิว ตัวอย่างเช่น The Moisturizing Cool Gel Cream มอยส์เจอไรเซอร์ใหม่จาก La Mer ที่ออกมาเจาะกลุ่มผู้ใช้เจเนอเรชันใหม่ โดยยอมเบรกจาก Crème de La Mer สูตรคลาสสิกที่ต้องวอร์มครีมก่อนใช้มาอาศัยเทคโนโลยี Micro Oil Gel Cream Capsule เป็นแคปซูลเจลที่ภายในจะประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็กนับล้านๆ หยดของ Miracle Broth ผสานกับ Miracle Broth Oils ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเนื้อเบา ชุ่มฉ่ำ และช่วยให้ทาผลิตภัณฑ์ลงผิวได้ทันทีโดยไม่ต้องวอร์มอีกแล้ว
13 ไอเท็มที่เหมาะกับฤดูร้อน
ในส่วนของเมกอัพกลุ่มเตรียมผิว เช่น เบส รองพื้น ต่างก็พัฒนาเนื้อสัมผัสมาในทิศทางที่เบาสบายขึ้นไม่แพ้กับสกินแคร์ ประกอบกับเทรนด์การแต่งหน้าที่เน้นงานผิวธรรมชาติ ไม่หลอกตา ช่วยกระตุ้นให้ผลิตภัณฑ์เตรียมผิวยุคใหม่ต้องมาพร้อมคุณสมบัติทั้งเนื้อเบาและปกปิดได้แนบเนียน ฉะนั้นโดยรวมผลดีจึงตกกับผู้บริโภคทั้งหลายที่รับผลประโยชน์จากผลิตภัณฑ์คุณภาพดีไปเต็มๆ ส่วนร้อนนี้จะมีผลิตภัณฑ์ใดผ่านเกณฑ์สำหรับสาวเมืองร้อนอย่างเราบ้างนั้น เก็บข้อมูลเบื้องต้นตามลิสต์นี้ รับรองว่าสบายผิว ไม่เหนอะหนะอย่างแน่นอน
1. La Mer The Moisturizing Cool Gel Cream (7,300 บาท)
มอยส์เจอไรเซอร์เวอร์ชันล่าสุดในเนื้อเจลบางเบา แต่ให้ความชุ่มชื้นยาวนานเต็มประสิทธิภาพเทียบเท่า Crème de La Mer รุ่นคลาสสิก แต่ใช้ง่าย ซึมซาบเร็ว ไม่ต้องวอร์ม
2. Aqua+ Series Skin Improvement Mask (930 บาท)
ผลิตภัณฑ์มาสก์ข้ามคืนสูตรเจลใส ให้ความรู้สึกสบายผิว ช่วยบำรุงความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าระหว่างที่นอนหลับตลอดคืน และปลอบประโลมเพื่อผิวอ่อนนุ่ม เรียบเนียน และแข็งแรงสุขภาพดี
3. Neutrogena Hydro Boost Water Gel Lotion (ประมาณ 300 บาท)
ผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับผิวหน้า มีทั้งสูตรค่า SPF 30 และ SPF 50 ในเนื้อเจลโลชั่นเบาราวกับน้ำ ทาแล้วผิวสดชื่น เกลี่ยแล้วซึมหาย ไม่ทิ้งความมันหรือคราบขาว ผสานเทคโนโลยี Helioplex สูตรลิขสิทธิ์ที่กันรังสียูวีได้อย่างเสถียร
4. Garnier SkinActive 3-in-1 Moisturizer Day/Night Mask (ประมาณ 320 บาท)
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 3 คุณสมบัติในหนึ่งเดียว ด้วยเนื้อสัมผัสเบาบาง ผสานน้ำกุหลาบ ให้การบำรุงอย่างล้ำลึก จึงเป็นได้ทั้งเดย์ครีม ไนต์ครีม และมาสก์ทาข้ามคืน
5. Olay Regenerist Whip Face Moisturizer SPF 25 (ประมาณ 1,000 บาท)
มอยส์เจอไรเซอร์สูตรต้านริ้วรอยพร้อมสารกันแดด ในเนื้อคล้ายเจลผสาน Active Rush Technology ที่สัมผัสผิวแล้วแตกเป็นละอองน้ำซึมซาบสู่ผิวทันที ผิวพลันชุ่มชื้น นุ่มนวล แต่งหน้าตามก็ติดทน ไม่เป็นคราบ
6. Peter Thomas Roth Water Drench Hyaluronic Acid Cloud Cream Hydrating Moisturizer (ประมาณ 1,300 บาท)
มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อละมุน เพียงลูบไล้เบาๆ ก็ซึมซาบเข้าผิว ผิวดูแมตต์ มาพร้อมเทคโนโลยีดึงน้ำเข้าผิว ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวได้ยาวนานกว่า 72 ชั่วโมง
7. Kiehl’s Ultra Light Daily UV Defense SPF 50 PA++++ (1,500 บาท)
ครีมกันแดดสูตรใหม่ เนื้อเบากว่าเดิม ไม่เหนอะหนะ ไม่เพิ่มความมันวาว พร้อมปกป้องผิวอย่างเต็มที่จากรังสียูวีและมลภาวะ
8. Bobbi Brown Skin Long-Wear Weightless Foundation SPF 15 (2,000 บาท)
รองพื้นสูตรติดทนนาน แต่ยังคงเนื้อสัมผัสที่ไม่หนาหนัก และแม้จะปกปิดได้ระดับสูง เรียบเนียน ผิวก็ยังคงดูเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา ที่สำคัญ ไม่ละลายเป็นคราบ และสีไม่ดรอประหว่างวัน
9. Giorgio Armani Beauty Face Fabric Foundation (2,000 บาท)
รองพื้นเนื้อมูสเบาบาง เมื่อคลี่ตัวบนผิวแล้วจะนวลเนียนเป็นแบบแป้ง ให้ฟีลลิ่งแมตต์ กลมกลืนไปกับผิว พร้อมเบลอร่องริ้วรอยรูขุมขนต่างๆ และไม่แห้งตกร่อง
10. Origins Three Part Harmony Tri-Phase Essence Lotion (2,200 บาท)
เอสเซนส์โลชั่น 3 เนื้อ 3 ชั้นในขวดที่ต้องเขย่าให้เข้ากันก่อนใช้ กลายเป็นโลชั่นเนื้อเบาสบายผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและกระจ่างใส
11. Laneige Layering Cover Cushion & Concealing Base (1,100 บาท)
มิติใหม่ของคุชชัน ล้ำขึ้นเพราะเป็นคุชชัน 2 ชั้น รวมรองพื้นปรับผิวให้สว่างและคอนซีลเลอร์บาล์มไว้ในตลับเดียว ช่วยปกปิดทุกข้อบกพร่อง ให้ผิวดูแมตต์ แต่ก็ยังชุ่มชื้นข้างใน
12. Clarins Fix’ Make-Up (1,250 บาท)
สเปรย์บำรุงเหมาะกับหน้าร้อน เพราะเป็นสเปรย์น้ำแร่ผสมสารบำรุง ไว้พกพาไปช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวในระหว่างวัน พร้อมช่วยตรึงเมกอัพให้ติดทนนานขึ้นด้วย
13. Dior Capture Youth Age-Delay Mattifying Serum (4,100 บาท)
เซรั่มเนื้อน้ำสำหรับสาวผิวผสมถึงผิวมัน ช่วยปรับให้ผิวดูเนียนแมตต์ขึ้นในทันที และปรับสมดุลผิวในระยาว
Photos. Courtesy of Brands