วันนี้ (30 กันยายน) เป็นวันที่สาวกของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบรนด์อันดับหนึ่งในใจคนอย่าง Tesla เฝ้ารอคอย เพราะวันนี้จะมีอีเวนต์ใหญ่ประจำปีที่มีชื่อว่า ‘AI Day: Part II’ ที่จะมีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆ ที่อาจสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้เลยทีเดียว
ความจริงจะเรียกว่านวัตกรรมใหม่ๆ นั้นก็ไม่เชิง เพราะดูเหมือนไฮไลต์ของปีนี้จะเป็นสิ่งที่ต่อยอดจากสิ่งที่เคยเปิดตัวในงาน AI Day คราวที่แล้วอย่าง ‘Tesla Bot’ ซึ่ง อีลอน มัสก์ ซีอีโอได้ให้คำมั่นว่าหุ่นยนต์ตัวนี้จะมีความ ‘เป็นมิตร’ มากขึ้นและมีศักยภาพที่จะปฏิวัติธุรกิจของบริษัทได้เลยทีเดียว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Tesla เรียกคืนรถยนต์ ‘1.1 ล้านคัน’ ทั่วสหรัฐฯ ชี้อัปเดตซอฟต์แวร์คุมระบบหน้าต่าง
- จับตา Tesla รับสมัคร ‘พนักงานในไทย’ อาจส่งสัญญาณถึงขั้น ‘ตั้งฐานการผลิต’ ได้หรือไม่?
- อีลอน มัสก์ ขายหุ้น Tesla ล็อตใหม่อีก มูลค่า 6.88 พันล้านดอลลาร์ แม้เคยบอกว่าไม่มีแผนจะขายหุ้นออกเพิ่ม
นอกเหนือจาก Tesla Bot แล้วมีอะไรที่เราคาดหวังได้จากอีเวนต์ในวันนี้อีกบ้าง? ในวงเล็บที่คนในวงการเตือนเอาไว้ว่าอย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น เพราะมันอาจไม่ได้เป็นเรื่องจริงเสมอไป
Tesla Bot
แน่นอนว่าไฮไลต์ที่หลายคนจับตาคือพัฒนาการของ Tesla Bot ซึ่งเปิดตัวในงาน AI Day ปีกลายที่สร้างความตื่นเต้นได้พอสมควร เพราะมันคือหุ่นยนต์ในรูปแบบมนุษย์ (Humanoid) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ชีวิตด้วย
มัสก์เคยบอกเอาไว้ว่า Tesla Bot จะเป็นพลขับให้แก่มนุษย์ที่มีระบบ ‘กล้องออโต้ไพลอต’ ติดตั้งที่ตาใช้สำหรับการขับรถ และติดตั้งสมองกล ‘Full Self-Driving Computer’ หรือระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการเป็นรถยนต์อัตโนมัติเต็มรูปแบบ
Tesla Bot จะมีรูปลักษ์ภายนอกที่ ‘เป็นมิตร’ ซึ่งมีการคาดกันว่าจะเป็นหุ่นยนต์ที่สูง 5 ฟุต 8 นิ้ว หนัก 125 ปอนด์ และมีมือที่ทำงานได้ในระดับเดียวกับมนุษย์ แถมยังยกของหนักได้ถึง 45 ปอนด์
ตามคำพูดของซีอีโอแล้ว Tesla Bot มีศักยภาพที่จะไปได้ไกลกว่าธุรกิจการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพราะมันจะอยู่ในบ้านของผู้คน เป็นเพื่อน และดูแลผู้สูงอายุได้ (นี่มันในหนังชัดๆ!) ซึ่งแม้ว่าจะมีการประเมินว่าการพัฒนาสินค้านี้จะใช้เวลามากกว่า 10 ปีจึงจะพร้อมที่จะจำหน่ายในตลาด แต่ในงานปีนี้เราก็คาดหวังจะได้เห็นความคืบหน้าของ Tesla Bot อยู่ดี
การอัปเกรดระบบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ในขณะที่ Tesla Bot อาจเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น เพราะเหมือนได้เห็นนิยายวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นตรงหน้า สิ่งที่ใกล้ตัวและจับต้องได้มากกว่าสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปคือเทคโนโลยีผู้ช่วยขับ
ถึงแม้ Tesla จะเคยอ้างว่ามีผู้ใช้ระบบขับเคลื่อนรถยนต์อัตโนมัติ (Full Self-Driving หรือ FSD) ที่อยู่ในเวอร์ชันเบตามากกว่า 160,000 คน แต่ก็ไม่ใช่ระบบที่ได้รับการตอบรับในทางที่ดีเสมอไป โดยตามรายงานจากหน่วยงาน National Highway Traffic Safety Administration ที่กำกับดูแลด้านความปลอดภัยบนทางหลวงของสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่ามีอุบัติเหตุที่เกิดจากรถ Tesla ที่ใช้ระบบ FSD ถึง 16 ครั้ง ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 1 รายด้วยกัน
ดังนั้นในงาน AI Day ครั้งนี้จึงมีความคาดหวังที่จะได้เห็นความคืบหน้าในทางที่ดีของระบบดังกล่าว เพราะเรื่องนี้เป็นสิ่งที่มัสก์ให้สัญญามาตั้งแต่ปี 2016 แล้วถึงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนได้เองโดยไม่ต้องใช้คนขับอีกต่อไป ซึ่งจนถึงวันนี้ระบบยังไม่สมบูรณ์และอยู่ในเฟสที่ 2 ของการพัฒนาเท่านั้น
Dojo
Tesla ไม่ได้เก่งแค่เรื่องของหุ่นยนต์หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่ฉลาดล้ำโลก แต่ยังเก่งในเรื่องของระบบคอมพิวเตอร์ด้วย และ Dojo เป็นสิ่งที่นักลงทุนและแฟนๆ คาดหวังว่าจะได้เห็นในงาน AI Day เช่นกัน ในฐานะของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้สอนระบบปัญญาประดิษฐ์ที่บริษัทคิดค้นขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาเฟิร์มแวร์ใหม่ของรถยนต์ให้ลูกค้าได้อัปเดตแบบ Over-the-Air ต่อไป
ในงาน AI Day ปีกลาย Dojo ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ซึ่งปีนี้น่าจะได้เห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนขึ้นและเป็นสิ่งที่คนในวงการเองก็จับตามองอย่างใกล้ชิดเช่นกัน
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่มีการคาดกันว่าจะได้เห็นในงาน ‘AI Day: Part II’ ซึ่งไม่ว่าสุดท้ายแล้ว อีลอน มัสก์ จะมีอะไรมานำเสนอบ้าง อย่างน้อยที่สุดเราก็จะพอมองเห็นภาพในอนาคตข้างหน้าว่าโลกอาจจะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าไปอย่างไร
ภาพ: Justin Sullivan / Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.theverge.com/2022/9/28/23374494/tesla-event-ai-day-robot-elon-musk-rumors-announcements-news
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-09-28/tesla-ai-day-offers-glimpse-of-just-how-sentient-its-bots-have-become
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP