ครม. อนุมัติร่าง พ.ร.ฎ.ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) หวังเพิ่มทางเลือกการระดมทุน และปรับให้มาตรการภาษีของโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนเท่าเทียมกับมาตรการภาษีของหลักทรัพย์
วันนี้ (7 มีนาคม) อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) แล้ว
ขณะที่ รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้เป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินได้และมูลค่าของฐานภาษี (รายได้จากการขายลบต้นทุน) อันเนื่องมาจากการขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่เสนอขายต่อประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบสินทรัพย์ดิจิทัล และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป (ย้อนหลังไปถึงวันที่พระราชกำหนดการประกอบสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับ)
โดยร่าง พ.ร.ฎ. ดังกล่าว ยังมีจุดประสงค์ในการปรับให้มาตรการภาษีของโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนเท่าเทียมกับมาตรการภาษีของหลักทรัพย์ และส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ โดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการระดมทุน
ทั้งนี้ โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) คือโทเคนดิจิทัลที่กำหนดสิทธิของบุคคลในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือกิจการใดๆ โดยผู้ถือโทเคนเพื่อการลงทุน จะได้ผลตอบแทนในรูปแบบของส่วนแบ่งของกำไรและส่วนแบ่งรายได้
โดยผู้ได้รับสิทธิประโยชน์จากร่าง พ.ร.ฎ. คือ 1. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนต่อประชาชน (ในตลาดแรก) และ 2. บุคคลธรรมดา และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ซื้อขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (ในตลาดรอง)
สำหรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากร่าง พ.ร.ฎ. นี้ ได้แก่ 1. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้และมูลค่าของฐานภาษีอันเนื่องมาจากการโอนโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่ออกเสนอขายต่อประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ตลาดแรก) ทั้งนี้ กรณีโทเคนดิจิทัลที่ออกเสนอขายต่อประชาชนมีลักษณะของโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนและโทเคนดิจิทัลที่มีวัตถุประสงค์อื่น ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้รับยกเว้นภาษีข้างต้นเฉพาะกรณีที่สามารถแยกส่วนของโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน และโทเคนดิจิทัลที่มีวัตถุประสงค์อื่นออกจากกันได้เท่านั้น 2. ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการโอนโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (ตลาดรอง)
รัชดากล่าวด้วยว่า ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากกฎหมายฉบับนี้ เป็นการเพิ่มทางเลือกในการระดมทุนของผู้ประกอบธุรกิจในประเทศไทยด้วยโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน เพิ่มเติมจากการระดมทุนด้วยเครื่องมือแบบดั้งเดิม เช่น กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ พันธบัตร และหุ้นกู้ อันจะส่งผลดีต่อการระดมทุน การลงทุน และการจ้างงานในประเทศ รวมทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยังส่งผลให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษีที่เกี่ยวกับโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนได้มากขึ้นในระยะยาว โดยมาจากการเติบโตของผู้ประกอบธุรกิจ และธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่ใช้โทเคนเพื่อการลงทุนเป็นเครื่องมือในการระดมทุนในประเทศไทย
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2566-2567 จะมีการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนมูลค่ารวมประมาณ 128,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นภาษีเงินได้นิติบุคคลประมาณ 25,600 ล้านบาท และภาษีมูลค่าเพิ่มประมาณ 8,960 ล้านบาท ดังนั้นประมาณการการสูญเสียรายได้ของภาครัฐในช่วง 2 ปีที่สำนักงาน ก.ล.ต. คาดการณ์ รวมภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ประมาณ 35,279 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum และทิศทางในอนาคตของเหรียญ ETH
- สรุปการล่มสลายของ FTX ที่อาจจุดชนวนวิกฤตในตลาดคริปโต
- ไมเคิล เบอร์รี เตือนการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีต้นตอจากตลาดคริปโต