TASTE: Villa Frantzén ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นนอร์ดิกที่ตั้งใจผสานกลิ่นอายเอเชียนในอาหารทุกจาน

วงการอาหารในกรุงเทพฯ กลับเข้าสู่บรรยากาศคึกคักอีกครั้ง เมื่อ Frantzén ร้านอาหาร 3 ดาวมิชลินจากสวีเดนของเชฟบยอร์น ฟรันต์เซน (Björn Frantzén) เปิดตัวร้านอาหารลูกพี่ลูกน้องอย่าง Villa Frantzén ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นนอร์ดิกที่มีกลิ่นอายเอเชียน นำทีมโดยเชฟมาร์ติน เอนสตรอม (Martin Enstrom)

Villa Frantzén ตั้งอยู่บริเวณย่านพักอาศัยเก่าแก่แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ อย่างเย็นอากาศ โดยตัวร้านได้รับการปรับปรุงจากบ้านส่วนตัวให้กลายเป็นนอร์ดิกวิลล่ากลางกรุง มีสวนหย่อมเล็กๆ หน้าบ้าน สำหรับแขกไว้เดินเล่นหรือนั่งชิลรับลมยามเย็น

ส่วนพื้นที่หลักมีสองโซนคือ วิลล่า 2 ชั้น ซึ่งเป็นพื้นที่รับประทานอาหารหลัก ชั้นล่างรองรับแขกได้ 60 ที่นั่ง และมีครัวเปิด ส่วนชั้นบนเป็นห้องส่วนตัว 3 ห้อง รองรับกลุ่มแขกได้ตั้งแต่ 6-12 คน

อีกโซนอยู่ข้างวิลล่าเป็นค็อกเทลบาร์ที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในห้องนั่งเล่น นั่งจิบค็อกเทลก่อนไปดินเนอร์ หรือจะแวะมาแฮงเอาต์สั่งแค่ไวน์หรือค็อกเทลแบบไม่ต้องดินเนอร์ก็ไม่ผิด

และแน่นอนว่ามีเมนูของกินรองท้องเล็กๆ น้อยๆ ที่เชฟเลือกมาจากในเทสติ้งเมนู ให้สามารถสั่งแบบอะลาคาร์ตได้เช่นกัน

THE STANDARD POP ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ซาราห์ คาร์ลสัน (Sarah Karlsson) ผู้จัดการทั่วไป, มาร์ติน เอนสตรอม (Martin Enstrom) เฮดเชฟ และ เกเบรียล วัลเดส (Gabriel Valdes) ผู้จัดการบาร์ ทั้งสามคนได้เล่าถึงที่มาที่ไปของ Villa Frantzén ย้อนกลับไปตั้งแต่ก่อนช่วงโควิด ซึ่งเชฟบยอร์น ฟรันต์เซน เห็นว่ากรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารที่น่าสนใจและค่อนข้างมีบทบาทในเอเชีย ประกอบกับการเล็งเห็นช่องว่างของวงการอาหารในไทยที่ยังขาดร้านสไตล์นอร์ดิก จึงเกิดความคิดที่จะนำเสนออาหารอีกซีกโลกที่คนไทยอาจยังไม่คุ้นชิน และค่อยๆ ปะติดปะต่อจนกลายมาเป็น Villa Frantzén ที่เตรียมเปิดประตูบ้านต้อนรับฟู้ดดี้ชาวไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 มิถุนายนนี้

จุดเด่นของอาหารนอร์ดิกคือเรื่องของรสเปรี้ยวและการหมักดอง ซึ่งเชฟและทีมเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ โจทย์สำคัญคือทำอย่างไรให้คนเห็นถึงเอกลักษณ์ของอาหารสไตล์นอร์ดิก ในขณะเดียวกันก็จะแฝงลูกเล่นแบบเอเชียนในอาหารทุกจานด้วย จึงเกิดเป็น เทสติ้งเมนู 5 คอร์ส (3,500++ บาท) โดยแต่ละคอร์สจะต้องเลือก 1 อย่าง จากตัวเลือก 3 อย่าง มิกซ์แอนด์แมตช์ตามรสชาติและวัตถุดิบที่ชื่นชอบของแต่ละคน ส่วนใครที่เป็นสายมังสวิรัติก็สามารถเอ็นจอยกับเทสติ้งเมนูแบบ Vegetarian ได้เช่นกัน

ก่อนที่ร้านอาหารจะเปิดให้บริการ เราได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติในแบบฉบับ Frantzén เช่น ซุปใส Cabbage Consommé & Hearts of Palm เชฟนำเสนอซุปกะหล่ำปลีใส่ยอดอ่อนต้นปาล์ม ขิงญี่ปุ่น ต้นหอม และน้ำมันขิง ซดร้อนๆ คล่องคอ

>>French Toast à la Villa Frantzén<< เฟรนช์โทสต์ชิ้นเล็กท็อปด้วยครีมชีสแบบสวีเดน ไข่ปลาเฮอริง หอมดอง และผักชีลาวอบแห้ง ส่วน Oyster >>63.4c<< หอยนางรมราดครีมซอสรมควัน โรยผงฟักทองสไปซี่ ฟิงเกอร์ไลม์ และน้ำมันซีบัคธอร์น

ในส่วนของค็อกเทลบาร์หากไม่ได้จองดินเนอร์ก็สามารถแวะมาจิบดริงก์ได้ และค็อกเทลที่นี่ก็ไม่ธรรมดา หลายแก้วมีกลิ่นอายนอร์ดิกที่น่าค้นหา เช่น Rhubarb & Meadowsweet ค็อกเทลสีแดงสดใสที่เบสด้วยสกอตช์วิสกี้ รูบาร์บ น้ำมะเขือเทศ แชมเปญน้ำส้มสายชู และน้ำมันต้นสนกับดอกมีโดว์สวีท อีกแก้วเป็น Licorice & Air แก้วนี้เบสด้วยอัลมอนด์วอดก้า ผสมชะเอมเทศ บัตเตอร์สกอตช์ และเกลืออีกเล็กน้อย จิบง่ายและดื่มคล่องเอามากๆ

หรือถ้าจะจิบคลาสสิกค็อกเทลก็มั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้จิบมันในแบบที่ควรจะเป็น แถมยังมีลูกเล่นทวิสต์เล็กน้อยที่ยิ่งทำให้คลาสสิกค็อกเทลมีความอร่อยขึ้นกว่าเดิม แนะนำ Old-Fashioned ที่นำวิสกี้ไปผ่านกระบวนการ Fat-Washed กับเนยและบักวีต หรือ Martini ที่บาลานซ์ระหว่างจินกับวอดก้า และได้ดอกคาโมไมล์กับกุหลาบมาช่วยทำให้รสกลม จิบง่ายขึ้นกว่าเดิม