ก่อนจะไปทำความรู้จักกับร้านกาแฟ Cosmos เราอยากเริ่มจากการเล่าให้ฟังถึงสเปซใหม่ในซอยสุขุมวิท 23 แห่งนี้ก่อน
พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นร้านอาหารบ้านขนิษฐามาก่อน ซึ่งหลังจากที่ปิดตัวลง เวิ้งกลางซอยสุขุมวิท 23 แห่งนี้ก็ได้ถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่โดยสองพี่น้องที่คุ้นเคยกับการทำร้านอาหารเป็นอย่างดีอย่าง แจน-สุปรีชา จั่นสัญจัย (คราม, Uma Uma และ Yoshi Bar) และ จอน-ทรงศร จั่นสัญจัย (Egg My God) พื้นที่ตรงนี้จึงถูกแบ่งออกเป็น 3 ร้านอาหาร และค่อยๆ เปิดตัวตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021 ได้แก่ ‘อรนุช’ ร้านอาหารไทยที่ทีมงานเก่าของครามอยู่ที่นี่เกือบทั้งหมด หากใครที่คิดถึงรสมือของคราม แวะมาที่นี่ได้เลยเพราะยังมีเมนูฮิตๆ ของครามอยู่ด้วย ตามมาด้วย Kosumosu ร้านอาหารญี่ปุ่นเทปันยากิ และสุดท้ายกับ Cosmos คาเฟ่บริเวณด้านหน้าที่พาชีวิตชีวาคืนมาให้ที่ตรงนี้
‘Cosmos – Cafe at the End of the Universe’ คือแท็กไลน์ที่เราเห็นได้ชัดตั้งแต่เดินเข้าร้าน แจนเล่าว่าด้วยความที่เริ่มทำร้านอาหารทั้งสองก่อน จึงทำให้คาเฟ่แห่งนี้เหมือนเป็นสิ่งสุดท้ายของจักรวาลนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ด้วยความที่โลเคชันอยู่ด้านหน้าต้อนรับผู้คน ทำให้ Cosmos เปรียบเหมือนกับด่านแรกที่จะทำให้ลูกค้าก้าวเข้ามาที่จักรวาลแห่งนี้
‘Coffee is the Universal Language’ แจนเล่าว่าถึงตัวเองจะไม่เคยทำคาเฟ่มาก่อน แต่รู้สึกว่ากาแฟเป็นสิ่งที่เชื่อมทุกคนไว้ด้วยกัน ซึ่งเมื่อลงมือทำแล้วการเลือกเมล็ดกาแฟจึงต้องพิถีพิถัน โดยได้ พลอย-ผกาวัลย์ ติรไพโรจน์ โรสเตอร์จาก sauce.coffee (ที่หลายคนน่าจะรู้จักเธอจาก Roots) มาเป็นคนดูแลเรื่องกาแฟให้ สำหรับสปีดบาร์ที่นี่เลือก House Blend ที่ใช้กาแฟจากลาว กัวเตมาลา และเอธิโอเปีย ส่วนอีกตัวที่เลือกมาเป็น Single Origin จากเอธิโอเปีย ส่วนสำหรับสโลว์บาร์อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเมล็ดไปเรื่อยๆ แต่ช่วงที่เราไปเจอเอธิโอเปียเช่นกันและอีกตัวจากเชียงราย
เมนูกาแฟของที่นี่เน้นตัวเลือกคลาสสิก ไม่ว่าจะเป็น Latte (120 บาท) หรือ Dirty (130 บาท) แต่ก็มี 2 ซิกเนเจอร์ที่เป็นการร่วมงานกับอีกสองร้านในจักรวาลอย่างแก้วแรก Samui Iced Coffee (140 บาท) ที่เอาความเป็นไทยมาจากร้านอาหารอรนุช แก้วนี้เลือกน้ำมะพร้าวและน้ำอัญชันมาผสมกับกาแฟตัว House Blend
แก้วถัดมา Matcha Kosumosu Latte (160 บาท) เป็นเรื่องของญี่ปุ่นบ้าง โดยเอาคาราเมลคัสตาร์ดที่เป็นของหวานในร้านญี่ปุ่นมากินกับมัทฉะลาเต้ เวลาดูดกาแฟจะได้ตัวคัสตาร์ดมาเพิ่มสัมผัสให้สนุกขึ้นด้วย
มาถึงเรื่องของอาหาร แจนเล่าว่าอยากให้เป็นคาเฟ่ที่มีอาหารที่ดี สามารถฝากท้องได้ ไม่ว่าจะมื้อเช้าหรือเที่ยง ซึ่งด้วยความที่จอนทำร้าน Egg My God มาก่อน จึงหยิบเอาเมนูไข่ๆ เหล่านั้นมาอยู่ที่นี่ซะเลย อย่างซิกเนเจอร์ Cheese & Egg Sandwich แซนด์วิชชิ้นนี้จะมีซอสพิเศษที่มีส่วนผสมราวๆ 19 อย่างเป็นเบส ทีนี้ก็เลือกเนื้อสัตว์ที่ชอบได้เลยอย่าง Ribeye Steak Egg & Cheese Sandwich (330 บาท) สำหรับคนชอบเนื้อ หรือ Grilled Chicken & Presto (190 บาท)
นอกจากนี้ยังมีคอมบิเนชันอย่าง CC Combo หรือโจ๊กกับครัวซองต์ (ไก่ 150 บาท / กุ้ง 170 บาท) ให้จิ้มครัวซองต์กับโจ๊กแทนปาท่องโก๋ หรือหากอยากได้มื้อเช้าเบาๆ ก็สามารถสั่งเมนุสุขภาพดีได้อย่างสเต๊กเต้าหู้ Tofu Steak & Signature Scrambled Egg (270 บาท) หากใครที่คิดถึงอาหารของ Egg My God ไม่ผิดหวังแน่นอน
นอกจากเมนูอาหารคาวแล้ว ที่นี่ก็ยังมีขนมอื่นๆ ไว้ให้กินเล่นกับกาแฟ ทั้งคุกกี้ สโคน ครัวซองต์ หรืออีกหนึ่งไอเท็มที่ร้านภูมิใจนำเสนอก็คือไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟที่ทำรสชาติเอง มีให้เลือกสองแบบคือ Matcha Soft Serve ที่ใช้ทั้งมัทฉะและโฮจิฉะ อีกรสคือ Blue Coconut ที่เช่นเดียวกับตัวกาแฟที่เล่าไปก่อนหน้า ซอฟต์เสิร์ฟรสนี้ใช้นมมะพร้าวและชาอัญชันเป็นส่วนผสม ทั้งสองรสสามารถเลือกได้ว่าจะกินเดี่ยวๆ (89 บาท) หรือกินกับครอฟเฟิล (130 บาท) ก็ได้ทั้งนั้น
บรรยากาศของที่นี่ร่มรื่นด้วยเงาของต้นไม้ใหญ่ สมแล้วกับที่แจนเล่าว่าเมื่อเห็นพื้นที่และต้นไม้ก็รู้ทันที่ว่าตรงนี้ควรเป็นคาเฟ่ เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกนั่งตรงบริเวณด้านหน้าร้านหรือดาดฟ้าก็จะไม่ร้อนมากทั้งวัน เหมือนกับความตั้งใจของสองเจ้าของที่ไม่ว่าลูกค้าจะไปเที่ยวที่ไหนมา ก็สามารถกลับมาใช้เวลาที่จุดพักแห่งนี้ได้เสมอ
Cosmos
Open: เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.
Address: ซอยสุขุมวิท 23
Budget: 120-500 บาท
Web: https://www.facebook.com/cosmoscafebkk/
Map: https://goo.gl/maps/mQVUGH6Tqt3DaJ9Z6
ภาพ: ภควรรษ ประเสริฐศักดิ์