×

แม่แตงโม-มงคลกิตติ์-อัจฉริยะ แถลงข่าวเดินหน้าหาความจริง กรณีการเสียชีวิตลูกสาว แม่เชื่อถูกฆาตกรรม หลั่งน้ำตาหน้าสื่อ

โดย THE STANDARD TEAM
27.05.2022
  • LOADING...
แม่แตงโม

วันนี้ (27 พฤษภาคม) ที่รัฐสภา มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อม อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และ ภนิดา ศิระยุทธโยธิน (มารดาแตงโม) แถลงข่าวถึงทิศทางการทำคดีการเสียชีวิตของ แตงโม-ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์

 

ด้านภนิดาได้ร่างหนังสืออ่านคำแถลงการณ์เปิดใจ ซึ่งระหว่างการอ่านแถลงการณ์บางช่วงได้หลั่งน้ำตา ระบุว่า ขอบคุณ ส.ส. เต้ มงคลกิตติ์ และคุณอัจฉริยะ ที่เข้ามาช่วยเหลือทางคดี เพราะที่ผ่านมาอึดอัดใจกับการเสียชีวิตของแตงโมตั้งแต่เห็นสภาพร่างกายของลูก ซึ่งเป็นอภิชาตบุตร และเป็นคนที่รักความยุติธรรม 

 

“จนถึงวันนี้ยังคิดถึงลูกอยู่ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทวงความยุติธรรมให้กับลูกสาวคนเดียวที่มีและรักสุดหัวใจ ต้องได้รับความยุติธรรม ตามความจริงอย่างถึงที่สุด แม่เข้าใจว่าแตงโมไม่ได้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ และคิดว่าเป็นการเสียชีวิตด้วยเหตุฆาตกรรมอำพราง จึงตัดสินใจดำเนินคดีต่อศาลอาญาด้วยตัวเอง โดยได้รับการช่วยเหลือจากพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมทีมกฎหมาย และชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม รวมถึงยังมีบุคคลอื่นๆ ร่วมเป็นพยาน ทั้ง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แม่เสียเวลาไป 3 เดือนแล้ว ตอนนี้ขอลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยความถูกต้อง สู้เพื่อลูก ซึ่งจริงๆ ที่ผ่านมาก็สู้ แต่ไม่ได้บอก แม่เก็บหลักฐานเอง จนน้ำหนักลดไป 7 กิโล ไม่ได้หลับได้นอน”

 

ภนิดายังฝากไปถึงสื่อมวลชนว่า อย่าให้ข่าวแม่ผิดและบิดเบือน เพราะแม่ตั้งใจหาความจริงว่ามีการฆาตกรรมด้วยวิธีใด และใครเป็นคนทำ อีกทั้งอยากให้คดีของแตงโมเกิดความยุติธรรม เกิดความถูกต้อง เป็นบรรทัดฐานคดีอื่น ไม่โดนหมกเม็ดเช่นนี้ และผู้สื่อข่าวทุกคนก็เปรียบเหมือนลูกแม่ด้วย 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความมั่นใจในทีมกฎหมายของ ส.ส. มงคลกิตติ์ กับอัจฉริยะมาก-น้อยแค่ไหน ภนิดาระบุว่า ส่วนตัวมีความมั่นใจ 100% เพราะได้ทีมกฎหมายระดับชาติ รวมถึงคนสำคัญที่เข้ามาช่วยเหลือ โดยเฉพาะคุณอัจฉริยะ ที่เป็นผู้เก็บหลักฐานเยอะมาก จนสงสารท่าน ซึ่งช่วงนี้ภนิดาได้พูดถึงทนายเดชาด้วย โดยบอกว่า “แม่เคยขอเบอร์จากทนายเดชา เพื่อโทรไปขอบคุณคุณอัจฉริยะ แต่ปรากฏว่าทนายเดชาบอกว่าอย่าไปโทร เดี๋ยวคุณแม่จะหาทางลงไม่เจอ” 

 

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่า กับทนายเดชายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมหรือไม่ ภนิดากล่าวว่า “ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แต่แกยังชอบแขวะคุณแม่” 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยังรักกันหรือไม่ ภนิดาบอกว่า ยังรัก  

 

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า จะให้ความมั่นใจใช่หรือไม่ จะไม่เทเหมือนกับทนายความ 2 คนก่อนหน้านี้ ภนิดาระบุว่า “แม่ไม่อยากกล่าวหาใคร ว่าทั้ง 2 คนที่เทเป็นอย่างไร รู้สึกดีใจที่มีหลายคนเข้ามาช่วยเหลือ เหมือนพระเจ้ามาเข้าข้างน้องโมให้ได้รับความยุติธรรม ช่วยให้ค้นหาความจริง คนเป็นแม่เป็นลูกตัดกันไม่ขาดหรอก”

 

ก่อนที่ภนิดาจะกล่าวทั้งน้ำตาว่า “ลูกตายอย่างไร ทำไมต้องทำร้ายลูกถึงตาย ใครเป็นคนทำ แม่ต้องรู้ให้ได้” 

 

นอกจากนั้นภนิดาได้ฝากคนไทยกรุณาเปลี่ยนความคิด มองในมุมที่ดีขึ้น อย่าด่าโดยไร้สาเหตุ ด่าเยอะมากแต่แม่ไม่ได้อ่าน แต่มีคนบอก

 

ส่วนอีกประเด็นที่ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามภนิดา เรื่องการส่งโทรศัพท์ไปให้กับ ‘บังแจ็ค’ แต่อัจฉริยะได้ตัดบทและชี้แจงแทน โดยระบุว่า ในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ ตนจะพาภนิดาไปพบกับ พล.ต.ท. กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ ในฐานะพยาน ซึ่งในวันดังกล่าวจะได้ให้สัมภาษณ์รายละเอียดทั้งหมด เพื่อจะได้สิ้นสงสัยกับข้อครหาต่างๆ  

 

เบื้องต้นอัจฉริยะกล่าวว่า การที่ภนิดาส่งโทรศัพท์ให้บังแจ็คนั้น เหตุผลเพราะต้องการให้กู้ภาพจำนวน 550 ภาพ และวิดีโอสำคัญ 2 คลิปที่ถูกลบไป ซึ่งบังแจ็คระบุว่า หากกู้เสร็จจะนำมาคืน แต่ก็ยอมรับว่าเราไม่สามารถคุมเขาได้ เพราะทุกอย่างอยู่ในมือของบังแจ็ค

 

“ในวันนี้แม่ยังทำใจไม่ได้ ขนาดร้องเพลงเมื่อคืนยังผิดเลย ต้องเข้าใจว่าสถานการณ์ขณะนั้นถูกปิดกั้นทุกอย่าง และตอนนี้ก็ทวงถามว่าเมื่อไรจะคืน และสามารถกู้ข้อมูลได้จริงหรือไม่”

 

นอกจากนี้อัจฉริยะยังกล่าวถึงการกระแสข่าวฟ้องเรียกค่าเสียหาย 30 ล้านบาท หรือ 200 ล้านบาท ว่าเรื่องนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายของแม่  

 

ส่วนเรื่องตัวเลขต่างๆ ที่ยกมานั้นยังเป็นความฝัน ไม่ใช่ความจริง เพราะขณะนี้เรายังไม่รู้สาเหตุการเสียชีวิตว่าเพราะอะไร ดังนั้นเราจะทำให้เห็นว่าไม่ใช่ความประมาท แต่เป็นการฆาตกรรมอำพราง ซึ่งเมื่อคดีเข้าสู่กระบวนการศาล ก็มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย เรามีวิธีดำเนินการ ทุกอย่างต้องเป็นขั้นเป็นตอน 

 

สำหรับการเดินหน้าทางคดี อัจฉริยะกล่าวว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะมีทั้งการพิสูจน์หลักฐาน ที่ขณะนี้เราต่อจิ๊กซอว์ไปได้เยอะแล้ว และต่อไปคือการฟ้องร้องบุคคลต่างๆ ทั้งบุคคลบนเรือ และคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลักฐานบางส่วนอาจไม่สามารถเปิดให้ประชาชนดูได้ แต่ได้เปิดให้ภนิดาดูแล้ว จนมีการแต่งตั้งตนเป็นผู้รับมอบอำนาจดำเนินการตามกฎหมาย 

 

ทั้งนี้ในการรวบรวมหลักฐานจะมีทีมมารับผิดชอบ ทั้งการเชิญอดีตผู้พิพากษามาร่วมทีมในการร่างคำฟ้อง การพิสูจน์บาดแผลขาข้างขวาว่าเกิดจากอะไร ซึ่งไม่ใช่ใบพัดเรือ ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือ จากประสบการณ์ผู้ที่ขับเรือลำเกิดเหตุ ที่ยืนยันไม่ได้ตกท้ายเรือ ผู้เชี่ยวชาญระบบ GPS จะพิสูจน์เกี่ยวกับข้อมูลเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงแสงและเงา โดยผู้เชี่ยวชาญจากทุกสาขาอาชีพจะรวมพลังงานกันเพื่อทวงคืนความยุติธรรม นี่ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ซึ่งจะใช้นิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์ความจริง ไม่ใช้คำให้การเป็นหลัก ที่สามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ 

 

ด้านมงคลกิตติ์ได้พูดถึงโครงสร้างการทำงานทางคดี จากทีมกฎหมายพรรคไทยศรีวิไลย์ จะมีตนและอัจฉริยะเป็นที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ นอกจากนี้ยังมี พล.อ.ดร.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ ประธานที่ปรึกษาพรรค และ พล.ท. อัศวิน รัชฎานนท์ รองหัวหน้าพรรค เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์

 

ส่วนทีมทนายความมี 2 คน คือ วินัย ชุมสวัสดิ์ และ สุธีพงศ์ ชีวิตเจริญ ทนายความจากชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เป็นทีมทนายความ ขณะเดียวกันยังมีทีมที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย คือ ศยุน ชัยปัญญา เลขาธิการพรรค, ทนายมีน-ศฤงคาร ข่ายสุวรรณ และ ทนายอู๋-บัญชา สุชญา รวมถึงยังมีผู้ดูแล และโฆษกประจำตัวภนิดาด้วย

 

ทั้งนี้ กระบวนการทางคดีคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3 ปีในการต่อสู้คดี ตั้งแต่ในชั้นอัยการไปถึงศาล ซึ่งตนพร้อมดูแลภนิดา โดยจะมีทีมที่ปรึกษาให้คำแนะนำ รวมถึงสุขภาพ และจากนี้จะได้เจอกันทุกสัปดาห์

 

ช่วงหนึ่งผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีผ้าขาวของแตงโมที่เคยแถลงก่อนหน้านี้ว่าจะส่งมาจากต่างประเทศ โดยมงคลกิตติ์ระบุว่า “ผ้าขาวมาถึงนานแล้ว แต่บอกไม่ได้ เพราะเป็นความลับราชการ ขณะนี้อยู่กับคนสำคัญที่เป็นข้าราชการของรัฐ”

 

ทั้งนี้บรรยากาศตลอดการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวสอบถามกับภนิดา แต่บางช่วงทั้งมงคลกิตติ์และอัจฉริยะได้ตัดบทและชี้แจงแทน

 

สำหรับภนิดา ต้องบอกว่าตลอดการแถลงข่าวมีหลากหลายอารมณ์ มีทั้งหลั่งน้ำตา และช่วงท้ายยังได้โชว์เสียงร้อง หลังผู้สื่อข่าวถามว่าที่ได้ไปร้องเพลงกับมงคลกิตติ์เมื่อคืนนี้ โดยภนิดาได้ร้องเพลง ‘ใต้ร่มมลุลี’ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือให้สื่อมวลชนฟัง ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงที่ใช้ร้องเมื่อวาน หลังนัดมงคลกิตติ์รับประทานข้าว พร้อมระบุว่า เพลงนี้ไม่ได้สื่อความหมายอะไร

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising