กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันเปิดเผยว่า คณะผู้แทนจากสหรัฐฯ นำโดย ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ เดินทางถึงกรุงไทเปเมื่อวานนี้ (30 พฤษภาคม) ซึ่งเป็นทริปเดินทางเยือนไต้หวันที่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะมาก่อน
ซาเวียร์ ชาง โฆษกประธานาธิบดีไต้หวัน กล่าวว่า บรรดาคณะผู้แทนมีกำหนดเข้าพบประธานาธิบดีไช่อิงเหวินของไต้หวันในวันนี้ โดยพวกเขาทั้งหมดจะหารือเกี่ยวกับ ‘ความมั่นคงในภูมิภาค ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า และประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันทั้งหมด’
นอกจากนี้ คณะผู้แทนจะเข้าพบ ซูเจินชาง นายกรัฐมนตรีไต้หวัน และ หวังเหมยฮัว รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ก่อนที่จะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้
ทริปเดินทางเยือนไต้หวันครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่งปิดฉากทริปเดินทางเยือนเอเชียครั้งแรกของเขาไปเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสการถกเถียงกันในสังคมถึงแนวทางทางการทูตของสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ไบเดนได้กล่าวในระหว่างการเดินทางเยือนญี่ปุ่นว่า สหรัฐฯ อาจจำเป็นต้องส่งกองกำลังทหารเข้าปกป้องไต้หวัน หากในท้ายที่สุดแล้วจีนตัดสินใจรุกรานดินแดนดังกล่าว ซึ่งถึงแม้ในภายหลังทำเนียบขาวจะรีบออกมาแก้ต่างคำกล่าวของประธานาธิบดี แต่คำเตือนนี้ก็ถือว่าผิดแปลกไปจากท่าทีปกติของสหรัฐฯ ซึ่งมักจะเลือกใช้ถ้อยคำที่มีความคลุมเครือมากกว่าการเข้าปะทะโดยตรง
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้จีนขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมาก และออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดใช้ถ้อยคำหรือกระทำการใดๆ ที่เป็นการละเมิดหลักการที่จีนและสหรัฐฯ ได้ตกลงร่วมกันไว้ก่อนหน้านี้
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ย้ำอยู่เสมอว่ารัฐบาลยึดมั่นในนโยบาย ‘จีนเดียว’ ซึ่งมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน แต่ถึงเช่นนั้น สหรัฐฯ ก็ไม่เคยออกตัวยอมรับอย่างเป็นทางการว่าจีนมีอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะดังกล่าว โดยสหรัฐฯ ได้จัดหาอาวุธป้องกันดินแดนให้กับไต้หวัน แต่ก็มิได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะเข้าแทรกแซงทางทหารหากจีนตัดสินใจบุกไต้หวันจริง
เมื่อวานนี้ กระทรวงกลาโหมไต้หวันรายงานว่า จีนส่งเครื่องบินรบกว่า 30 ลำรุกล้ำเข้ามาในเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (Air Defense Identification Zone: ADIZ) ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือน ขณะที่กองทัพไต้หวันได้ออกคำเตือนทางวิทยุและใช้ระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศเพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวของฝั่งจีน
ทั้งนี้ ไต้หวันถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Economic Framework: IPEF) ซึ่งเป็นแผนเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่ไบเดนได้เปิดตัวไปในระหว่างทริปเดินทางเยือนเอเชียของเขา กรอบการทำงานนี้เป็นหนึ่งในความพยายามของสหรัฐฯ ที่หวังเข้ามามีบทบาทในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งตกอยู่ภายใต้เงาของอิทธิพลจีนที่กำลังแผ่ขยายอำนาจออกไปเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าววงในซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลไต้หวันเปิดเผยกับสำนักข่าว CNN ว่า ไต้หวันและสหรัฐฯ จะเริ่มเปิดฉากการเจรจาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ดักเวิร์ธเคยเดินทางเยือนกรุงไทเปมาแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน 2021 ซึ่งในขณะนั้นเธอประกาศว่าสหรัฐฯ จะบริจาควัคซีนป้องกันโควิดกว่า 7.5 แสนโดสเพื่อช่วยเหลือไต้หวัน
ขณะที่เมื่อเดือนเมษายน ผู้แทนรัฐสภาที่มีชื่อเสียงของสหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วยวุฒิสมาชิก ลินด์ซีย์ เกรแฮม จากพรรครีพับลิกัน, วุฒิสมาชิก บ็อบ เมเนนเดซ จากพรรคเดโมแครต, วุฒิสมาชิก ริชาร์ด เบอรร์ จากพรรครีพับลิกัน, วุฒิสมาชิก เบน แซสส์ จากพรรครีพับลิกัน, วุฒิสมาชิก ร็อบ พอร์ตแมน จากพรรครีพับลิกัน และ รอนนี แจ็กสัน ส.ส. จากพรรครีพับลิกัน ได้สร้างเซอร์ไพร์สด้วยการเดินทางมาเยือนไต้หวันเป็นเวลา 1 วันด้วยเช่นกัน
ภาพ: Stefani Reynolds-Pool / Getty Images
อ้างอิง:
