ภายใต้แผนธุรกิจประจำปี 2020 ที่เพิ่งประกาศไม่นานมานี้ของ Taco Bell เชนฟาสต์ฟู้ดสไตล์เม็กซิกัน สิ่งที่น่าจับตามองคือ การประกาศทดสอบให้เงินเดือนระดับ ‘ผู้จัดการร้าน’ ปีละ 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจของพนักงาน
ตามปกติแล้วเงินเดือนสำหรับผู้จัดการร้านทั่วไปในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 5-8 หมื่นดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือประมาณ 1.5-2.4 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับโลเคชันของร้านและประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา
การทดสอบของ Taco Bell จะเกิดขึ้นปลายปีนี้ โดยยังไม่ได้ระบุว่าจะเป็นที่ไหนบ้าง และจะทดสอบนานเท่าไร ด้วยยังอยู่ในขั้นตอนการวางแผน แต่ที่แน่ๆ จะเกิดกับร้านที่เป็นของบริษัทเอง ซึ่งมีราว 450 สาขา ไม่ใช่กับร้านแฟรนไชส์ที่มีอยู่ 6,500 สาขา
ขณะเดียวกัน นี่จะเป็นครั้งแรกที่ Taco Bell จะให้ค่าแรงแม้จะลาป่วยก็ตามสำหรับพนักงานทั่วไป โดยให้สิทธิปีละ 24 ชั่วโมง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไป นอกจากนี้ภายใต้แผนปี 2020 Taco Bell ระบุว่า จะเพิ่มอาหารที่เป็นมังสวิรัติมากขึ้น และภายใน 5 ปี จะเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้
นักวิเคราะห์มองว่า การออกนโยบายทดสอบเรื่องเงินเดือนเป็นเรื่องที่จำเป็นในสถานการณ์ที่แรงงานกำลังขาดแคลน อัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาลดลงเหลือ 3.7% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 50 ปี
ยิ่งกับธุรกิจฟาสต์ฟู้ด ซึ่งมีอัตราการเปลี่ยนงานที่สูง การเปลี่ยนในระดับผู้จัดการมีผลกระทบอย่างมากสำหรับการบริหารจัดการร้าน ดังนั้น เพื่อดึงดูดคนที่มีความสามารถ บริษัทจึงต้องให้เงินเดือนและสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าเดิม
ไม่ใช่แค่ Taco Bell เท่านั้น ที่ต้องต่อสู้กับปัญหาแรงงานที่ขาดแคลน และหาคนที่มีความสามารถเข้ามาเป็นพนักงาน ยักษ์ค้าปลีกหลายราย เช่น Amazon, Target และ Costco เลือกที่จะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ในขณะที่เชนร้านอาหารเน้นเพิ่มสิทธิประโยชน์มากกว่า เช่น Shake Shack ได้ทดสอบการทำงานสัปดาห์ละ 4 วัน ส่วน Starbucks ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพจิต ฯลฯ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: