×

ประชาธิปไตยในฟุตบอล สวีเดนชาติแรกโหวตต้านใช้ VAR

26.04.2024
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 MIN READ
  • สวีเดนเป็นชาติเดียวที่เหลืออยู่ในกลุ่มลีกระดับท็อป 30 ของยุโรปที่ยังไม่มีการนำ VAR เข้ามาใช้งาน ซึ่งทำให้สมาคมฟุตบอลสวีเดนคิดที่จะนำระบบช่วยตัดสินนี้มาเริ่มทดลองใช้งานในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2024
  • ในประเทศสวีเดน (รวมถึงนอร์เวย์) สโมสรฟุตบอลเป็นของแฟนฟุตบอลที่เป็นเจ้าของหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ จะต้องผ่านความเห็นชอบจากแฟนฟุตบอลเหล่านี้ก่อน 
  • สิ่งที่น่าสนใจคือชัยชนะของประชาธิปไตยในเกมฟุตบอลของสวีเดน ไม่ได้เป็นเพียงชัยชนะของพวกเขาเท่านั้น

ถึงแม้ว่าความตั้งใจของระบบช่วยตัดสินด้วยวิดีโอหรือ Video Assistant Referee (VAR) จะเกิดขึ้นบนโลกด้วยความตั้งใจที่จะลบล้างข้อกังขาในการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินที่เป็นมนุษย์ ซึ่งสามารถผิดหรือพลาดกันได้

 

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาคือ ความน่ากังขายิ่งกว่าเดิมในการตัดสิน ที่นอกจากจะไม่ช่วยลดความผิดพลาดแล้วยังก่อความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก จนทำให้ระดับความเชื่อใจของแฟนฟุตบอลที่มีต่อ VAR ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ

 

มีแฟนฟุตบอลจำนวนไม่น้อยที่คิดถึงโลกฟุตบอลยุคเก่า ต่อให้ตัดสินผิดบ้างพลาดบ้าง อย่างน้อยอารมณ์ในเกมของเราก็ไม่ถูกทำให้ชะงักเพราะ VAR แต่ก็คิดว่าทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนี้เป็นอย่างที่ เซปป์ แบลตเตอร์ อดีตประธาน FIFA เคยบอกเอาไว้ว่า หากเลือกจะใช้ VAR เราจะไม่มีวันหวนกลับมาได้อีกแล้ว

 

ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้คนสวีเดนตัดสินใจร่วมกัน

 

“งั้นเราไม่เอา VAR”

 

พวกเขาทำได้อย่างไร? และมีโอกาสที่dชาติอื่นจะทำแบบเดียวกันได้หรือไม่?

 

 

“VAR คืออนาคตของเรา”

 

นี่คือคำกล่าวเมื่อ 1 ปีที่แล้วของ เฟรดริก เรนเฟลด์ต ประธานสมาคมฟุตบอลสวีเดน ที่เกริ่นถึงการเตรียมนำระบบช่วยตัดสินมาใช้ในเกมฟุตบอลของสวีเดนให้เหมือนกับประเทศอื่นๆ ด้วยเชื่อว่าเรื่องการใช้ VAR อาจเป็นหนึ่งในเกณฑ์ที่สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (UEFA) กำหนด

 

ขณะที่สวีเดนเป็นชาติเดียวที่เหลืออยู่ในกลุ่มลีกระดับท็อป 30 ของยุโรปที่ยังไม่มีการนำ VAR เข้ามาใช้งาน ซึ่งทำให้สมาคมฟุตบอลสวีเดนคิดที่จะนำระบบช่วยตัดสินนี้มาเริ่มทดลองใช้งานในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2024   

 

แต่ปัญหาคือ VAR ไม่เป็นที่ต้องการของแฟนฟุตบอลแถบนี้

 

บทเรียนที่น่าสนใจเกิดขึ้นในประเทศนอร์เวย์ที่ได้เริ่มนำ VAR เข้ามาใช้ในการแข่งขันลีกระดับสูงสุดเมื่อปีกลาย และกระแสตอบรับที่ได้คือความผิดหวังของแฟนฟุตบอลภายในประเทศ

 

ความผิดหวังนั้นทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่อต้าน VAR จากกลุ่มแฟนฟุตบอลแดนไวกิ้งด้วยการ ‘ประท้วงเงียบ’ โดยแฟนฟุตบอลกว่า 70 กลุ่มที่เข้าสนามมาไม่มีการส่งเสียงเชียร์ในช่วง 15 นาทีแรกของเกมการแข่งขัน ต่อเนื่องกัน 2 นัด

 

ที่ใช้การประท้วงเงียบนั้นแทนการที่ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจไม่ได้เชิญแฟนบอลเข้าร่วมปรึกษาหารือเกี่ยวกับการจะนำ VAR มาใช้

 

กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้มีโอกาสในการแลกเปลี่ยนมุมมองอย่างจริงจังในการนำระบบช่วยตัดสินที่ยังเต็มไปด้วยปัญหาและความเคลือบแคลงสงสัยเข้ามาใช้ ซึ่งในการใช้งานจริง VAR ในเกมลูกหนังนอร์เวย์ก็มีปัญหามาก

 

ครั้งหนึ่งเคยใช้เวลาถึง 7 นาทีกว่าจะตัดสินประตูในเกมที่สโมสรออดยิงขึ้นนำวาเลเรนกาได้ จนทำให้สหพันธ์ฟุตบอลนอร์เวย์ต้องออกแถลงการณ์ว่าจะพัฒนาการตัดสินด้วย VAR ผ่าน 7 ขั้นตอนด้วยกัน ซึ่งรวมถึงการพยายามตัดสินทุกอย่างให้จบภายใน 2 นาที รวมถึงการฉายภาพรีเพลย์บนหน้าจอขนาดยักษ์ในสนามด้วยเพื่อให้ชัดเจน

 

แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้ดีขึ้นขนาดนั้น ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ และสิ่งสำคัญที่สุดคืออารมณ์ร่วมในระหว่างเกมที่หายไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ VAR ไม่สามารถคืนหัวใจให้แก่แฟนๆ เหล่านี้ ซึ่งเป็นแฟนบอลตัวจริงที่ใช้ชีวิตในเมืองและติดตามสโมสรมาทั้งชีวิต

 

 

จุดนี้เองที่สวีเดนพยายามถอดบทเรียนจากปัญหาของเพื่อนบ้าน

 

ในประเทศสวีเดน (รวมถึงนอร์เวย์) สโมสรฟุตบอลเป็นของแฟนฟุตบอลที่เป็นเจ้าของหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ จะต้องผ่านความเห็นชอบจากแฟนฟุตบอลเหล่านี้ก่อน

 

ที่สำคัญคือสวีเดนเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ ถ้าผู้คนตัดสินใจอย่างไรแล้วจะยึดตามเสียงส่วนใหญ่เสมอ

 

ในเรื่องของ VAR ก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าทางด้านเรนเฟลด์ต ซึ่งเคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศจะมีแนวคิดที่จะนำ VAR เข้ามาใช้ แต่สุดท้ายก็ต้องเปิดให้โหวตกันอย่างเป็นทางการ โดยสมาชิกของสโมสรต่างๆ เป็นผู้ตัดสิน

 

ผลปรากฏว่าในบรรดา 32 สโมสรระดับสูงสุดของประเทศ มีสโมสรที่เห็นชอบกับการนำ VAR เข้ามาใช้ 14 สโมสร

 

ส่วนสโมสรที่ไม่เห็นชอบมีด้วยกันทั้งหมด 18 แห่ง

 

ดังนั้นสมาคมฟุตบอลสวีเดนจึงเลือกที่จะไม่นำ VAR เข้ามาใช้ในการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศ

 

“ถ้าผมนับไม่ผิด เรามี 18 สโมสรในระดับสูงสุดและในระดับแคว้นอีก 2 แห่งที่บอกว่าพวกเขาไม่ต้องการให้นำ VAR เข้ามาใช้งาน” เรนเฟลด์ตกล่าว “เราเคารพในเรื่องนี้”

 

“นี่คือเหตุผลที่เราไม่มีการนำเสนอเรื่อง VAR ให้แก่บอร์ดของตัวแทนในการประชุมก่อนหน้านี้ และผมไม่คิดว่าเราจะนำเรื่องนี้มาพูดคุยกันอีกด้วยในอนาคต ผมขอยืนหยัดเคียงข้างประชาธิปไตยในเกมฟุตบอล”

 

นั่นหมายความว่าการแข่งขันฟุตบอลลีกระดับสูงสุดของสวีเดนจะไม่มีการใช้ระบบ VAR ทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยที่เรนเฟลด์ตยืนยันว่า UEFA ก็ไม่ได้กดดันให้ต้องนำมาใช้แต่อย่างใด

 

“จากที่ผมได้ยินมา ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นอย่างนั้น (ต้องนำ VAR มาใช้) ในตอนนี้ ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราเอง และตอนนี้ก็ชัดเจนแล้ว สโมสรเหล่านี้ไม่ต้องการให้นำเทคโนโลยีนี้เข้ามาใช้แต่อย่างใด”

 

 

สิ่งที่น่าสนใจคือชัยชนะของประชาธิปไตยในเกมฟุตบอลของสวีเดน ไม่ได้เป็นเพียงชัยชนะของพวกเขาเท่านั้น

 

มันยังเป็นประกายความหวังสำหรับเพื่อนบ้านอย่างนอร์เวย์ที่รอโอกาสจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ในอนาคตด้วย

 

กลุ่มแฟนฟุตบอลนอร์เวย์ฝากความหวังเอาไว้กับแฟนบอลสวีเดนมาโดยตลอด “เราหวังว่าสวีเดนจะยืนหยัดได้ เพราะถ้าพวกเขายอมนำมาใช้ ก็เป็นการยากสำหรับนอร์เวย์ที่จะเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าพวกเขายืนยันในจุดยืนเดิม บางทีมันเป็นการง่ายกว่าสำหรับนอร์เวย์”

 

เพราะพวกเขาสามารถจะบอกว่า “งั้นเราขอไม่ใช้บ้างได้ไหม”

 

ตอนนี้ไม่มีใครบอกได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ประกายไฟดวงแรกจากสวีเดนจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในชาติอื่นหรือไม่ แต่อย่างน้อยนี่เป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ถูกบันทึกไว้

 

ในปี 2024 ประชาธิปไตยในสวีเดน Checking แล้วตัดสินให้ ‘VAR Disallowed’

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising