วันนี้ (15 กรกฎาคม) ที่ห้องพินิตประชานาถ ศาลาว่าการกลาโหม สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บรรยายให้นักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) รุ่นที่ 1 ถึงสถานการณ์ภัยคุกคามภายในและภายนอกประเทศ พร้อมนโยบายการปรับโครงสร้างกองทัพ การลดกำลังพล ยุบ และโอนหน่วย รวมทั้งการสนับสนุนงานของรัฐบาลในนโยบายต่างๆ โดยมี แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย หนึ่งในนักศึกษา วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 ร่วมรับฟังด้วย
นักศึกษาได้สอบถามถึงนโยบายลดกำลังพลตามกระแสอาจจะไม่สอดคล้องกับบรรยากาศและภัยคุกคามของโลก สุทินระบุว่า ประเทศของเรามีกระแสการเมืองให้ลดกำลังพล พรรคของตนก็มีนโยบายนี้ แต่ยืนยันว่าการลดกำลังพลในแบบฉบับของรัฐบาลจะไม่กระทบต่อสมรรถนะของกองทัพในเรื่องขวัญกำลังใจ เพราะนักรบจะอยู่ได้ด้วยขวัญกำลังใจ ถ้าขวัญดีก็เป็นเสือ ถ้าขวัญเสียก็เป็นแมว วิธีการลดกำลังพลจึงทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่กระทบกำลังใจ และจะใช้วิธีการ Early Retire รองรับ
“ผมเคยเล่าให้สภาฟังว่า ได้ไปประชุมบนหลายเวทีทั้งอาเซียนและอินโด-แปซิฟิก ยังไม่เห็นประเทศไหนลดกำลังพล ตรงกันข้าม ในสภาพความมั่นคงและสิ่งแวดล้อมของโลกที่เปลี่ยนไป จะเห็นได้ว่าบรรยากาศของโลก หลายประเทศเริ่มกลับมาสร้างกองทัพ มีการสะสมอาวุธและกำลังพล จึงมีคำถามว่า เรากำลังสวนทางกับโลกหรือเปล่า ผมจึงทิ้งประเด็นไว้ในสภาว่า สักวันหนึ่งจะเชิญทุกพรรคทุกคนมาทบทวนเรื่องนี้ แต่วันนี้มีนโยบายเช่นนี้ก็เดินต่อไปก่อน โดยจะทำให้กระทบสมรรถนะน้อยที่สุด แต่ผมเชื่อว่าถึงจุดหนึ่ง เราลดไม่ได้ถ้าภัยมาถึง”
สุทินกล่าวอีกว่า เมื่อไปดูตัวเลขกำลังพลในอาเซียน ซึ่งเคยเป็นภัยคุกคามของเรา อย่างประเทศเวียดนามมีกำลังพลมากที่สุดของโลก ทั้งประจำการสำรอง กองหนุนที่ 5.8 ล้านคน ส่วนของไทย 5.8 แสนคน เทียบกับประเทศที่มีขนาดเดียวกับเรา นโยบายนี้อาจจะต้องทบทวน หรือถ้าเดินหน้าไปก็ต้องทำควบคู่กัน ต้องไม่สวนทางกับการเสริมสร้างสมรรถนะ ไม่ใช่ตะบี้ตะบันทำ
สำหรับคำถามต่อนโยบายการให้ความสำคัญกับทหารชั้นยศนายสิบ ซึ่งถือเป็นกำลังหลักในการปฏิบัติทางทหาร น้อยกว่าพลทหารและนายทหารชั้นนายพลนั้น สุทินกล่าวว่า ทหารชั้นยศนายสิบถือเป็นกำลังพลที่มีศักยภาพ และถือเป็นน้องคนกลางที่เชื่อมต่อระหว่างน้องคนเล็กคือพลทหารกับพี่กับพ่อที่เป็นนายพลได้เป็นอย่างดี ตนให้นโยบายหลายเรื่องกับโรงเรียนนายสิบทหารบก สิ่งที่อยากจะทำคือเติมเรื่องการศึกษาให้มากที่สุด ทั้งทักษะในการทำงาน บทบาทหน้าที่ทหาร การรบ การทำงาน หรือความรู้ทั่วไป ที่ทำให้ทหารสามารถประกอบอาชีพเสริมได้
สุทินยังกล่าวถึงปัญหาของการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่เป็นพลเรือนว่า ในตอนแรกก็มีอุปสรรค เพราะมาด้วยความเป็นนักการเมือง ไม่มีความรู้ต่างๆ จะมีอย่างเดียวก็คือนามสกุลที่พอไปได้ แถมก่อนหน้านี้จุดยืนก็ไม่ค่อยสอดคล้องกับกองทัพเท่าไร แต่พอเข้ามาจริงๆ คิดว่ากองทัพให้ความร่วมมือดีมาก แล้วก็มีความสุขกับการทำงาน จะมีปัญหาอยู่บ้างก็เป็นปัญหาข้างนอกที่อาจจะไม่ให้ความเชื่อมั่นและอาจจะไม่ยอมรับกันเอง ไม่เกี่ยวกับกองทัพ