×

ตำรวจสหรัฐฯ เร่งสืบสวน หลังสกัดพัสดุบรรจุระเบิดที่ส่งถึงโอบามา, ฮิลลารี คลินตัน และสำนักงาน CNN

25.10.2018
  • LOADING...

หน่วยงานตำรวจลับ (Secret Service) ซึ่งเป็นองค์กรเจ้าหน้าที่ที่คอยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมถึงอดีตประธานาธิบดีและครอบครัว สามารถสกัดพัสดุต้องสงสัยที่บรรจุวัตถุระเบิด และส่งถึง บารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต และฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง

 

แถลงการณ์จาก Secret Service ระบุว่า พวกเขาสามารถเก็บกู้พัสดุที่ส่งถึง ฮิลลารี คลินตัน ได้ในเขตเทศมณฑลเวสต์เชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (23 ต.ค.) ส่วนพัสดุลึกลับที่ส่งไปตามที่อยู่ของโอบามา ถูกสกัดโดยตำรวจลับในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น

 

“พัสดุทั้ง 2 ชิ้น ถูกสกัดได้ก่อนที่จะถึงมือผู้รับตามที่อยู่ที่จ่าบนหน้าซอง” แถลงการณ์ระบุ พร้อมยืนยันว่า ทั้งโอบามาและคลินตันยังไม่ได้รับพัสดุ และทั้งคู่ปลอดภัยดี

 

นอกจากพัสดุต้องสงสัยที่ส่งไปยังที่อยู่ของโอบามาและครอบครัวคลินตันแล้ว ยังมีพัสดุคล้ายคลึงกันถูกส่งไปยังตึก The Time Warner ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานของ CNN โดยเจฟฟ์ ซักเกอร์ ประธานบริษัทได้ออกมายืนยันว่า พบพัสดุดังกล่าวภายในห้องไปรษณีย์เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่ทางบริษัทยังไม่ทราบว่าผู้ส่งต้องการส่งให้ใคร

 

หลังพบพัสดุ ตำรวจได้เข้าตรวจค้นทั่วทั้งตึก The Time Warner ในนิวยอร์ก และสั่งอพยพคนออกจากตึกเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการตรวจค้นสำนักงาน CNN ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกด้วย

 

เมื่อ 2 วันก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ พบวัตถุระเบิดที่บ้านพักของ จอร์จ โซรอส อภิมหาเศรษฐี และนักลงทุนชื่อก้องโลก ในเขตเบดฟอร์ด ชานเมืองนิวยอร์ก แต่ไม่มีใครได้รับอันตราย ขณะที่เจ้าหน้าที่สืบสวนเชื่อว่า ระเบิดที่ส่งให้คลินตันกับโซรอสน่าจะเกี่ยวข้องกัน

 

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลการสอบสวนต่อสาธารณะ ขณะที่ล่าสุด Secret Service ได้เปิดฉากสืบสวนคดีนี้ในฐานะคดีอาชญากรรมแล้ว

 

ด้าน ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประณามความพยายามก่อเหตุโจมตีครั้งนี้ ว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายและขี้ขลาดตาขาว พร้อมประกาศกร้าวผ่านทางทวิตเตอร์ว่า จะนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising