กลับมาอีกครั้งเป็นปีที่ 8 กับคอนเสิร์ตของ Super Junior กับ Super Junior World Tour – Super Show 8: Infinite Time in Bangkok ที่ครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันของเหล่าสมาชิก Super Junior หลังเสร็จสิ้นภารกิจรับใช้ชาติในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งบอกเลยว่า ยังคงเป็นคอนเสิร์ตที่กลมกล่อมครบรส จัดเต็มทั้งแสง สี เสียง และความสนุกสมการรอคอย
ทันทีที่ไฟทั้งฮอลล์เริ่มดับลง เสียงกรี๊ดต้อนรับหนุ่มๆ Super Junior ยังคงร้อนแรงและดังกระหึ่มไปทั่วทั้งฮอลล์ ก่อนที่ Super Junior จะปรากฏตัวด้วยความร้อนแรงไม่แพ้เสียงกรี๊ด พร้อมกับเพลง The Crown จากอัลบั้มล่าสุด Time_Slip ต่อด้วยเพลง A Man in Love, Bonamana และ Blue World (เวอร์ชันภาษาเกาหลี) ที่ปลุกให้อะดรีนาลินของ E.L.F. (ชื่อแฟนคลับของวง Super Junior) ทั่วทั้งอิมแพ็ค อารีน่าพลุ่งพล่าน ก่อนที่หนุ่มๆ จะเริ่มทักทายแฟนๆ อย่างเป็นทางการ ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะชนิดท้องคัดท้องแข็งกันตั้งแต่เริ่ม! พร้อมกับวลีเด็ดประจำโชว์ครั้งนี้อย่างคำว่า “ไม่ต้องพูด”
ก่อนที่หนุ่มๆ จะเร่งเครื่องความสนุกไปกับหลากหลายโชว์ผ่านเพลงฮิตจากทุกอัลบั้มที่ E.L.F. ทั้งฮอลล์ร่วมกันชานท์และร้องตามอย่างคล่องปาก เช่น Sorry, Sorry, Mr. Simple, Sexy, Free & Single, Mamacita, Devil, Black Suit โดยครั้งนี้พวกเขายังนำเพลงใหม่จากอัลบั้มล่าสุดมาแสดงให้แฟนๆ ได้รับชมกันแบบจุใจ ทั้ง Super Clap, I Think I, Heads Up, Somebody New และ Show รวมถึงสเตจพิเศษอย่างเพลง Rokuko เวอร์ชันฮิปฮอป และเพลงจากยูนิตต่างๆ อย่าง Love Disease (Super Junior-K.R.Y), What is Your Name (Super Junior-D&E) และ Hairspray เพลงแดนซ์ของสองหนุ่ม อีทึก และ ซีวอน ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน!
คอนเสิร์ตครั้งนี้นอกจากการร้องและการเต้น หนุ่มๆ Super Junior ยังมีส่วนร่วมในการออกแบบคอนเสิร์ต เพื่อดึงภาพลักษณ์อันโดดเด่นของสมาชิกแต่ละคนให้ออกมาอย่างเต็มที่ นำทีมโดย อึนฮยอก กับการรับหน้าที่กำกับโปรดักชันเวที และ ชินดง กับการรับหน้าที่ผู้กำกับเวที ซึ่งแน่นอนว่า ผลลัพธ์ในครั้งนี้ E.L.F. ทุกคนต่างได้เห็นและสัมผัสด้วยตาของตนเองกันเป็นที่เรียบร้อยว่า สนุก สวยงาม และได้ใกล้ชิดกับหนุ่มๆ กันมากขนาดไหน
นอกจากโชว์และเพอร์ฟอร์แมนซ์ของ Super Junior แล้ว อีกหนึ่งโมเมนต์ที่ประทับใจคงหนีไม่พ้นการทำแฟนโปรเจกต์ของ E.L.F. ซึ่งเรามีโอกาสได้เข้าร่วมในคอนเสิร์ตวันที่ 2 ซึ่งแฟนๆ ต่างพร้อมใจกันชูป้ายสโลแกนที่มีคำว่า 약속해 줄 거죠? (คุณจะสัญญากับฉันไหม?) พร้อมกับแปรอักษรด้วยกล่องไฟเป็นคำว่า 012 ME & U ซึ่งเลข 012 นั้นพ้องเสียงกับคำว่า 영원히 (Forever หรือ ตลอดไป) ในเพลง Believe
ก่อนปิดท้ายด้วยโปรเจกต์ป้ายสโลแกน 언제까지나 슈주와 함께라서 우리는 뭐든 한 수 있다! (ไม่ว่าเมื่อไรถ้าได้อยู่กับ SJ พวกเราก็ทำได้ทุกอย่าง!) และป้ายผ้าข้อความทั้งสองฝั่งของฮอลล์ที่มีข้อความว่า SJ & ELF가 서로의 행복이 된지 14년. 힘이 필요할때 파란 풍선이 항상 여기서 응원하고 있어요. (SJ และ E.L.F เป็นความสุขของกันและกันมา 14 ปีแล้ว เมื่อไรที่ต้องการพลัง ลูกโป่งสีน้ำเงินจะคอยเชียร์อยู่ตรงนี้เสมอ) ในเพลง Show ซึ่งเป็นอีกโมเมนต์ที่อบอวลไปด้วยความรัก ความอบอุ่น และความประทับใจ กับความสัมพันธ์ตลอด 14 ปี ของ Super Junior และ E.L.F. ที่มีต่อกันมาอย่างยาวนาน
โดยตลอดระยะเวลากว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง รวมทั้งสิ้นกว่า 27 เพลง Super Junior ยังคงเต็มไปด้วยเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพวกเขา ที่คอยสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับ E.L.F. เสมอทุกครั้งที่เจอกัน
“พวกเราอยู่ด้วยกันมา 14 ปีแล้วนะครับ แชร์หลายสิ่งหลายอย่างมาด้วยกัน เราไม่ต้องบอกว่าชอบอะไร แต่ทุกคนก็รู้ การที่พวกเราได้เจอกับทุกคนที่เตรียมแฟนโปรเจกต์มาให้ เราเข้าใจว่าทุกคนตื่นเต้นที่จะได้เจอกับพวกเรา พวกเราเองก็ตื่นเต้นที่ได้เจอกับทุกคนนะครับ ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งพิสูจน์ว่าเราต้องอยู่ด้วยกันอีกนานแสนนานเลยนะครับ ผมอยากอยู่กับทุกคนตลอดไป เพราะทุกคนคือเหตุผลที่ทำให้ผมต้องมีชีวิตอยู่ในทุกวันนะครับ ผมอยากให้ทุกคนเป็นเหตุผลเพื่อผมไปตลอดนะครับ สัญญาว่าจะรีบกลับมาหาทุกคนนะครับ!” – ทงเฮ
ภาพ: SM True
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล