- ผ่านพ้นไป 24 ชั่วโมงแล้ว หลังอิหร่านใช้โดรนกามิกาเซ ขีปนาวุธ และจรวด รวมกว่า 300 ลูก ถล่มโจมตีเข้าไปในดินแดนอิสราเอล
- การโจมตีครั้งนี้เป็นการตอบโต้หลังสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัสของซีเรียถูกโจมตีเมื่อวันที่ 1 เมษายน ซึ่งมีนายทหารอิหร่านและสมาชิกกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามเสียชีวิต 7 คน โดยอิหร่านเชื่อว่าเป็นฝีมืออิสราเอล
- อิหร่านบอกว่า การโจมตีอิสราเอลครั้งนี้จบลงแล้ว และบรรลุเป้าหมายในการแก้แค้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่อิสราเอลถูกอิหร่านโจมตีในอาณาเขตของตัวเอง พร้อมเตือนไม่ให้อิสราเอลตอบโต้กลับ เพราะจะทำให้สถานการณ์บานปลาย
- ล่าสุดภายหลังการประชุม ครม. สงครามเมื่อวานนี้ อิสราเอลยังไม่มีมติว่าจะตอบโต้อิหร่านอย่างไรและเมื่อไร แต่มีการเตือนก่อนหน้านี้ว่าอิหร่านจะต้องชดใช้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม และมีการกางออปชันปฏิบัติการทางทหารต่างๆ เพื่อตอบโต้
- ผศ.ดร.มาโนชญ์ อารีย์ ผู้เชี่ยวชาญจากภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ให้ความเห็นว่า อิสราเอลมี 2 แนวทางในการตอบโต้คือ การโจมตีกลับคืนด้วยโดรนและมิสไซล์ไปยังอิหร่านแบบเดียวกับที่อิหร่านทำ ขณะเดียวกันก็อาจยกระดับการโจมตีกลุ่มติดอาวุธในอิรักและซีเรีย ซึ่งเป็นพันธมิตรกับอิหร่าน
- อิสราเอลอ้างว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถยิงสกัดโดรนและขีปนาวุธของอิหร่านได้ 99% ซึ่งสหรัฐฯ ช่วยยิงสกัดด้วย โดยมีบางส่วนเล็ดลอดระบบป้องกัน แต่มีการยืนยันว่าไม่ได้สร้างความเสียหายรุนแรงใดๆ ต่ออิสราเอล และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บร้ายแรงด้วย
- หลังการโจมตี ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้ต่อสายพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู โดยแสดงจุดยืนพร้อมสนับสนุนพันธมิตรในการป้องกันตนเอง แต่สหรัฐฯ ยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารเชิงรุกต่ออิหร่าน เพราะไม่อยากให้สงครามขยายวงในตะวันออกกลาง
- ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคง UN เมื่อวานนี้ ทูตอิสราเอลประณามการโจมตีของอิหร่าน และเรียกร้องให้มีการหยุดอิหร่านก่อนบานปลายเป็นสงครามระดับภูมิภาคหรือสงครามโลก
- ส่วนทูตอิหร่านใน UN ยืนยันว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นไปตามสิทธิการป้องกันตนเองภายใต้มาตรา 51 ของกฎบัตร UN เพราะการโจมตีสถานกงสุลถือเป็นการโจมตีดินแดนอธิปไตยของอิหร่าน
- ขณะที่ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการ UN เรียกร้องให้ลดความรุนแรง และต้องการให้ชาติสมาชิกช่วยยับยั้งคู่ขัดแย้งไม่ให้สถานการณ์บานปลาย
- ประเทศรอบๆ อิสราเอลและอิหร่านก็ไม่อยากให้สถานการณ์บานปลายเช่นกัน โดย แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้หารือทางโทรศัพท์กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจอร์แดน อียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย และตุรกี ซึ่งเห็นพ้องให้ใช้ช่องทางการทูตเพื่อลดความขัดแย้ง
ภาพ: Hisham K. K. Abu Shaqra / Anadolu via Getty Images
