รัฐบาลซูดานออกมาเปิดเผยรายงานที่น่าตกใจว่า มีผู้หญิงหลายคนถูกทหารข่มขืนในกรุงคาร์ทูม หลังจากที่สงครามระหว่างสองกลุ่มทหารซูดานยืดเยื้อมาเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว
หนังสือพิมพ์ The Guardian ของอังกฤษ เปิดเผยว่า มีผู้หญิง 4 คน และเด็กหญิงอีก 1 คนที่ถูกทหารข่มขืน ซึ่งขณะนี้พวกเธอได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยต่อต้านความรุนแรงต่อสตรี สังกัดกระทรวงกิจการสังคมของซูดานแล้ว
ซูลีมา อิซาก (Suliema Ishaq) ผู้อำนวยการของหน่วยฯ ระบุว่า เธอเชื่อว่ายังมีเหตุความรุนแรงทางเพศอีกหลายเคสที่ผู้หญิงไม่กล้ารายงานต่อทางการ “ดิฉันเชื่อว่ายังมีเคสเช่นนี้อีกมาก แต่ด้วยความที่เหตุรุนแรงยังไม่สงบ ฉะนั้นไม่ใช่เหยื่อทุกคนจะสามารถเข้าถึงการช่วยเหลือจากเราได้”
หญิงสองคนเปิดเผยว่า พวกเธอถูกเจ้าหน้าที่ของกองกำลังกึ่งทหาร Rapid Support Forces (RSF) ข่มขืน ขณะที่ผู้หญิงอีก 3 คน ซึ่งเป็นผู้อพยพที่ลี้ภัยเข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงคาร์ทูมเปิดเผยว่า ผู้ที่ข่มขืนพวกเธอนั้นเป็นกองกำลังติดอาวุธ แต่ไม่ทราบว่าฝ่ายใด
นับตั้งแต่ที่สงครามเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน มีพลเรือนและทหารมากกว่า 600 คนที่เสียชีวิต ขณะยอดผู้บาดเจ็บอยู่ที่กว่า 5,000 คน โดยปมของความขัดแย้งครั้งนี้เกิดจากศึกชิงอำนาจของสองผู้นำทางทหาร ซึ่งได้แก่ พล.อ. อับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮาน ผู้บัญชาการกองทัพซูดาน และ พล.อ. โมฮาเหม็ด ฮัมดัน ดากาโล หรือที่รู้จักในชื่อ เฮเมดติ ผู้บัญชาการกองกำลังกึ่งทหาร RSF ที่มีความเห็นไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับทิศทางที่ประเทศกำลังดำเนินอยู่ โดยประเด็นสำคัญคือแผนการควบรวมกองกำลัง RSF เข้ากับกองทัพ ที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่าใครจะเป็นผู้นำคนใหม่กันแน่
ปัจจุบันมีโรงพยาบาลในกรุงคาร์ทูมเพียงแค่ 16% ที่ยังสามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรายงานว่า โรงพยาบาลบางแห่งถูกกองกำลัง RSF ยึดครอง ซึ่งปัจจุบันกองกำลัง RSF ได้เข้าควบคุมพื้นที่เกือบ 90% ของเมืองหลวง
อิซากกล่าวว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นรวมถึงการขาดแคลนทรัพยากรด้านสาธารณสุขทำให้หน่วยงานของเธอช่วยเหลือผู้หญิงได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แม้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (11 พฤษภาคม) สองกลุ่มทหารได้ตกลงกันที่จะร่วมปกป้องชีวิตพลเรือน เพื่อเปิดทางสู่การส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แต่การต่อสู้ทั้งทางบกและทางอากาศยังคงดำเนินเรื่อยมาในกรุงคาร์ทูม โดยต้องคอยจับตาต่อไปว่าการเจรจาสันติภาพระหว่างสองฝ่ายซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นอีกครั้งในสัปดาห์นี้ จะเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมซึ่งจะนำไปสู่การยุติความรุนแรงหรือไม่
แฟ้มภาพ: AFP
อ้างอิง: