วันนี้ (28 กันยายน) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ลานอาจารย์ศิลป์ พีระศรี มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย นัดรวมพลจัดกิจกรรม ‘เมื่อสมบัติชาติสูญหาย พวกเราจึงต้องมาทำหน้าที่’ #ฉันมาทวงของฉันคืน โดยร่วมกันเดินเท้าไปถามหาความจริงกับกรมศิลปากร พร้อมมอบพวงหรีดดอกไม้ให้กับตัวแทนของกรมศิลปากร และมีแถลงการณ์ถึงอธิบดีกรมศิลปากร ระบุรายละเอียดว่า ขอให้ดำเนินการติดตามแสวงหาโบราณสถานและโบราณวัตถุที่สาบสูญ สืบเนื่องจากวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ทางกลุ่มประชาคมฯ ได้รับทราบว่ากรมศิลปากรได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมจากเหตุการณ์ฝังหมุดคณะราษฎร 2563 ในเช้าวันที่ 20 กันยายน ณ บริเวณท้องสนามหลวง แต่ในปัจจุบันได้รับสมญานามในสังคมว่าคือสนามราษฎรไปแล้วนั้น
กลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตยได้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถในการทำงานของกรมศิลปากรที่ได้มีความวิริยะ อุตสาหะที่จะทะนุบำรุงโบราณสถานของชาติให้ยังคงดำรงอยู่ แต่ถึงกระนั้นก็ดีทางกรมศิลปากรคงอาจลืมไปเสียแล้วว่ายังมีการสูญหายของโบราณวัตถุและโบราณสถานที่สำคัญของประเทศถึง 2 อย่าง นั่นก็คือ
หนึ่ง หมุดก่อเกิดรัฐธรมนูญ หรือหมุดคณะราษฎร ที่ได้สร้างขึ้นเมื่อครั้งพระยาพหลพลพยุหเสนา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นเอาไว้ ณ บริเวณลานพระบรม รูปทรงม้า โดยมีข้อความว่า ‘ณ ที่นี้ 24 มิถุนายน 2475 เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ’ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์การอ่านประกาศคณะราษฎรในวันอภิวัฒน์สยาม 24 มิถุนายน 2475
สอง คืออนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรืออนุสาวรีย์ปราบกบฏ ณ สี่แยกบางเขน เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ปราบกบฏบวรดช ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ได้สาบสูญไปอย่างลึกลับจนถึง ณ เวลานี้
ด้วยเหตุนี้เองกลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย จึงขอให้กรมศิลปากรติดตามเกี่ยวกับการสูญหายของโบราณวัตถุและโบราณสถานดังกล่าวให้กลับมาโดยเร็วที่สุด เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทรัพย์สมบัติสาธารณะของบ้านเมือง เป็นร่องรอยแห่งความทรงจำร่วมของประชาชนในประวัติศาสตร์ชาติไทย หากภายใน 14 วันยังคงไร้ความคืบหน้าในกรณีการสูญหายดังกล่าว ทางกลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตยจะนำเรื่องดังกล่าวยื่นเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรให้ดำเนินการต่อไป