×

ต้องมีหวัง! ย้อนดู 5 เหตุการณ์สำคัญ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ภายในถ้ำ และเหมืองใต้ดินทั่วโลกที่ประสบความสำเร็จ

28.06.2018
  • LOADING...

จากเหตุการณ์ที่โค้ชและทีมนักฟุตบอลเยาวชน ‘หมูป่าอะคาเดมีแม่สาย’ จำนวนทั้งหมด 13 คนที่สูญหายไปขณะท่องเที่ยวบริเวณถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา ขณะนี้ทีมกู้ภัยต่างๆ ทั้งหน่วยซีล เจ้าหน้าที่ไทย ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ และบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่างเริ่มปฏิบัติการพาน้องกลับบ้าน ค้นหาผู้สูญหายทั้ง 13 คนอย่างสุดความสามารถ รวมถึงผู้คนในโลกออนไลน์ ก็ต่างส่งกำลังใจให้ทุกคนกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย แม้เวลาจะผ่านไปนานกว่า 6 วันแล้วก็ตาม

 

ในโอกาสนี้ THE STANDARD จะพาคุณย้อนมองเหตุการณ์สำคัญในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ภายในถ้ำ และใต้พื้นดินที่ประสบผลสำเร็จทั่วโลก  

 

Photo: www.guwentravel.com

 

ทีมนักสำรวจ 15 คน เอาชีวิตรอดจากถ้ำที่ได้ชื่อว่า ลึกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

แอนดรูว์ ไวท์ (Andrew Wight) คริส และโซเนีย บราวน์ คือหนึ่งในทีมนักสำรวจทั้ง 15 คนที่รอดชีวิต ขณะสำรวจเส้นทางภายในถ้ำ Pannikin Plains Cave ซึ่งเป็นหนึ่งในถ้ำที่ได้ชื่อว่ามีความลึกมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของออสเตรเลีย เมื่อปี 1988 ความลึกของถ้ำแห่งนี้ท้าทายเหล่านักสำรวจไม่น้อยไปกว่าการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์

 

Photo: www.timg.com

 

ในช่วงไม่กี่วันก่อนที่การสำรวจจะแล้วเสร็จ พายุฝนพัดกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำให้มวลน้ำจำนวนมหาศาลไหลทะลักเข้าไปยังพื้นที่ภายในถ้ำ เพดานและผนังถ้ำบางส่วนพังทลายลงมา

 

นักสำรวจทั้ง 15 ชีวิตต่างติดอยู่ภายใน ก่อนที่พวกเขาจะตั้งสติ ว่ายน้ำ ปีนป่ายโขดหิด หาทางขอความช่วยเหลือและออกมาจากถ้ำดังกล่าวได้ในที่สุด หวิดดับชีวิตภายในถ้ำที่ลึกที่สุดแห่งนี้

 

เหตุการณ์เอาชีวิตรอดในครั้งนี้ เมื่อหลายทศวรรษก่อน เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Avatar ของผู้กำกับหนังชื่อดังอย่าง เจมส์ แคเมรอน รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง Sanctum ที่ไวท์ทำหน้าที่เป็นทีมเขียนบทและผู้กำกับร่วมเองด้วย

 

Photo: www.asianews.it

 

คนงาน 33 ชีวิต ติดอยู่ในเหมืองใต้พื้นดินของชิลีนาน 69 วัน

กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์หน้าประวัติศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยใต้พื้นดิน จนต้องนำเอาไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง The 33 เมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา โดยสร้างอิงจากเหตุการณ์เหมืองโกปิเอโป้ (Copiapó) ถล่มลงมา เป็นเหตุให้มีคนงานชาย 33 คนติดอยู่ใต้พื้นดินเบื้องล่างราว 700 เมตร

 

ทีมช่วยเหลือจะต้องหาทางเข้าไปถึงพื้นที่ที่คนงานอยู่ โดยไม่ให้เหมืองถล่มทับลงมาอีกเป็นอันขาด ซึ่งพวกเขาสื่อสารกันด้วยข้อความที่ถูกเขียนลงแผ่นกระดาษและถูกหย่อนลงไปเบื้องล่าง ท้ายที่สุดคนงานทั้ง 33 คนรอดชีวิตหลังติดอยู่ใต้ดินนานกว่า 69 วัน ด้วยสิ่งประดิษฐ์ที่ทางกองทัพชิลีและองค์การนาซาร่วมกันออกแบบ

 

Photo: yoloify.com

 

นักปีนเขาติดอยู่ในถ้ำน้ำแข็งในรัฐวอชิงตัน หลังกองหิมะถล่ม

ช่วงเดือนธันวาคม  ปี 2014 นักปีนเขาชาวอเมริกัน 2 คน หาทางเอาตัวรอด หลังจากติดอยู่ภายในถ้ำน้ำแห่งหนึ่งที่ Big Four Ice Cavesในรัฐวอชิงตัน ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดฮิตของเหล่าบรรดาคนรักการปีนเขาตัวยง พวกเขาติดอยู่ภายในถ้ำนานหลายชั่วโมง โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

 

ทางการรัฐวอชิงตันเผยว่า ตลอดเส้นทางการปีนเขามีป้ายและสัญลักษณ์เตือนบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลาย ห้ามเข้าไปในถ้ำน้ำแข็งโดยเด็ดขาด ซึ่งอาจเกิดเหตุการณ์ผนังถ้ำพังถล่มลงมาได้ เนื่องจากปริมาณหิมะจำนวนมหาศาลที่ตกลงมากองรวมกันอยู่ด้านบนเชิงเขา และอาจจะนำไปสู่การสูญเสียได้ ซึ่งไม่ใช่นักท่องเที่ยวหรือนักปีนเขาทุกคนที่ติดอยู่ภายในถ้ำจะโชคดีและรอดชีวิตกลับมาได้ ดังนั้นการปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อแนะนำจึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำ

 

Photo: ib3.org

 

นักประดาน้ำชาวสเปนติดอยู่ในถ้ำใต้น้ำ แทบไม่มีออกซิเจน เกือบตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง

กลางเดือนเมษายน ปี 2017 ซิสโก้ กราเซีย (Xisco Gracia) คุณครูภูมิศาสตร์ที่มีประสบการณ์ด้านการสำรวจถ้ำ พร้อมบัดดี้ดำน้ำอย่าง กีเย็ม มาสกาโร (Guillem Mascaró) ตัดสินใจสำรวจถ้ำใต้น้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่ง บริเวณเกาะมายอร์ก้า (Mallorca) เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีประชากรหนาแน่นที่สุดเป็นอันดับ 2 ของสเปน บ้านเกิดของนักเทนนิสมือวางอันดับ 1 ของโลกอย่าง ราฟาเอล นาดาล

 

เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น หลังทั้งคู่คำนวณปริมาณการใช้ก๊าซในถังออกซิเจนผิดพลาด และทำให้ก๊าซที่จะใช้ในการเดินทางกลับมีไม่เพียงพอ แม้ว่าพวกเขาจะว่ายน้ำไปถึงช่องว่างเก็บอากาศเหนือน้ำ (Air Pocket) ที่พอจะต่อลมหายใจไปได้อีกสักระยะ แต่ปริมาณออกซิเจนบริเวณนั้นมีจำกัดและเพียงพอสำหรับแค่คนเดียว นายกราเซียจึงตัดสินใจมอบถังก๊าซออกซิเจนที่เหลือให้กับเพื่อน เพื่อกลับออกไปขอความช่วยเหลือ

 

นายกราเซียเริ่มมีอาการเหนื่อยล้า สายตาพร่ามัว เขาเกือบตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองแต่ก็ยังพอดึงสติกลับมาได้ ในที่สุดทีมกู้ภัยก็สามารถให้ความช่วยเหลือเขาได้สำเร็จ แม้จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากความขุ่นของกระแสน้ำ เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที หลังจากติดอยู่ภายในถ้ำใต้น้ำนานกว่า 60 ชั่วโมง

 

Photo: www.newshub.co.nz

 

นักศึกษาปีที่ 1 แดนมะกัน ติดอยู่ในถ้ำนานเกือบ 3 วัน กินแมลงและน้ำหยดตามผนังประทังชีวิต

เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน ปี 2017 ลูคัส คาวาร์ (Lukas Cavar) นักศึกษาปีที่ 1 วัยเพียง 19 ปีของมหาวิทยาลัยอินเดียนา สหรัฐอเมริกา รอดชีวิตหลังจากไปทัศนศึกษากับชมรมสำรวจถ้ำ แต่เกิดพลัดหลงและติดอยู่ภายในถ้ำแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของมหาวิทยาลัย เป็นระยะเวลานานเกือบ 3 วัน

 

ลูคัสประทังชีวิตด้วยการเลียกินน้ำหยดตามผนังถ้ำ แมลงและเศษแครกเกอร์ที่ตนนำติดตัวมา แม้จะยังพอมีแสงสว่างจากหน้าจอโทรศัพท์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีสัญญาณที่จะใช้สื่อสารเพื่อขอความช่วยเหลือ เขาใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงกว่าจะพบทางเข้าปากถ้ำ แต่ทางเข้าออกกลับถูกปิดเอาไว้ ลูคัสตะโกนร้องขอความช่วยเหลืออยู่ราว 6-8 ชั่วโมง ในสภาพที่อ่อนแรง ด้วยความหวังที่ว่า จะมีใครในละแวกนั้นได้ยิน

 

พ่อแม่ของลูคัสตัดสินใจแจ้งเรื่องการหายตัวไปของลูกชายกับทางมหาวิทยาลัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เขาได้รับการช่วยเหลือและถูกพาส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย

 

Photo: AFP

 

แม้เหตุการณ์ที่หยิบยกมาอาจแตกต่างกัน และมีบางรายละเอียดที่ไม่ตรงกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในถ้ำหลวง แต่สิ่งที่ทุกเหตุการณ์มีเหมือนกันคือ ‘ความหวัง’ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดสำหรับทั้งผู้ช่วยเหลือและผู้รอคอยการช่วยเหลือ

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising