×

ส่องหุ้นรับผลกระทบ ‘บาทแข็ง’ นักวิเคราะห์มองแนวโน้มกำไรกลุ่มส่งออกเพิ่มจากออร์เดอร์ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก

09.12.2020
  • LOADING...
ส่องหุ้นรับผลกระทบ ‘บาทแข็ง’ นักวิเคราะห์มองแนวโน้มกำไรกลุ่มส่งออกเพิ่มจากออร์เดอร์ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก

สำรวจหุ้นที่รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าทั้งเชิงบวกและลบ นักวิเคระห์เทน้ำหนักกลุ่มนำเข้าและโรงไฟฟ้ารับอานิสงส์ เนื่องจากจะมีต้นทุนทางการเงินต่ำลง โอกาสขยายมาร์จินเพิ่ม ส่วนกลุ่มรับผลกระทบเชิงลบคือกลุ่มผู้ส่งออก ทั้งอาหาร ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ 

 

กรณีค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4 ที่ผ่านมา และล่าสุด ณ วันที่ 9 ธันวาคม ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาที่ระดับ 29.98 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็นการแข็งค่าที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี จึงเกิดความกังวลว่าการแข็งค่าของเงินบาทครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อบริษัทจดทะเบียนบ้าง 


ธีร์ธนัตถ์ จินดารัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า กล่าวว่าผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนหรือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้นมีทั้งเชิงบวกและเชิงลบ โดยผลกระทบเชิงบวกจะเกิดขึ้นในกลุ่มนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบจากต่างประเทศ และกลุ่มที่มีเงินกู้ต่างประเทศในสกุลเงินดอลาร์สหรัฐค่อนข้างมาก เนื่องจากจะมีต้นทุนนำเข้าสินค้าวัตถุดิบตลอดจนเครื่องจักรต่างๆ ที่ต่ำลง และมีภาระดอกเบี้ยที่ต่ำลงเช่นกัน 

 

‘นำเข้า-พลังงาน-โรงไฟฟ้า’ รับผลบวก 

“กลุ่มที่ได้อานิสงส์ก็คือกลุ่มผู้นำเข้าและผู้มีที่มีหนี้ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐสูงๆ อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า ที่มีการไปลงทุนในต่างประเทศค่อนข้างมาก และส่วนใหญ่ลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ กลุ่มนี้ก็จะมีภาระดอกเบี้ยที่ต่ำลง และส่งผลให้ในไตรมาส 4 ซึ่งมักจะเป็นไตรมาสโลว์ซีซัน เราจะได้เห็นกลุ่มโรงไฟฟ้ารายงานกำไรสุทธิที่ดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน” 

 

สำหรับกลุ่มที่รับผลกระทบเชิงลบคือกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร และยางพารา

 

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่ากลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จะรับผลกระทบเชิงลบจากเงินบาทแข็งค่าไม่มาก เนื่องจากค่าเงินในภูมิภาคเอเชียก็แข็งค่าเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะค่าเงินหยวนของจีน ทำให้ผู้ส่งออกไทยไม่ได้สูญเสียความสามารถในการแข่งขันมาก ขณะที่ฝั่งความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกก็ปรับเพิ่มมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและวัฏจักรทางธุรกิจ 

 

ส่วนกลุ่มส่งออกอาหารนั้นยังเชื่อว่าจะได้เห็นการเติบโตของยอดขายได้ แม้ค่าเงินบาทจะแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินประเทศคู่แข่ง อาทิ บราซิล เนื่องจากประเทศผู้ส่งออกอาหารที่เป็นคู่แข่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับไทย 

 

‘อาหาร ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์’ กระทบโดยตรง
วิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่ากรณีค่าเงินบาทแข็งค่าจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกอาหาร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ 

 

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไรอาจไม่ถูกดันมากนัก เนื่องจากกำลังซื้อทั่วโลกจะส่งผลให้ผู้ส่งออกมีปริมาณการขายที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเทรนด์เทคโนโลยีต่างๆ ที่จะฟื้นกำลังซื้อในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์  

 

‘กลุ่มจ้างจีนผลิตสินค้า’ มาร์จินพอง

นอกจากนี้กลุ่มที่ใช้กลยุทธ์จ้างโรงงานในประเทศจีนผลิตสินค้าและส่งกลับมาติดแบรนด์เพื่อจำหน่ายจะเป็นอีกกลุ่มที่น่าจับตามอง เนื่องจากกลุ่มนี้มีมาร์จินที่สูงขึ้นจากต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง อย่างไรก็ตาม บริษัทที่จะใช้กลยุทธ์นี้ต้องมีแบรนด์ขายสินค้าในประเทศไทยที่แข็งแกร่ง เช่น SABINA และหุ้นที่กลุ่มวัสดุตกแต่งบ้าน เช่น ​HMPRO, DOHOME และ GLOBAL 

 

มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวในทิศทางเดียวกันว่ากลุ่มนำเข้าจะได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าโดยตรง ส่วนอานิสงส์ทางอ้อมคือกลุ่มที่มีเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐค่อนข้างมาก เช่น กลุ่มน้ำมัน กลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีการออกไปลงทุนในต่างประเทศ 

 

อย่างไรก็ตาม โครงสร้างทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก และไม่เหมือนปี 2540 ที่ผ่านมาที่บริษัทในไทยไปกู้เงินต่างประเทศ โดยเฉพาะสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐไว้ค่อนข้างมาก ดังนั้นการผันผวนของค่าเงินบาทในรอบนี้จะไม่ได้ทำให้เกิดอานิสงส์อย่างมีนัยสำคัญ 

 

ขณะที่กลุ่มเกษตร ชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของไทยจะได้รับผลกระทบเชิงลบ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูป เนื่องจากไม่สามารถนำกลไกด้านอัตราแลกเปลี่ยนมาลดความเสี่ยงด้านราคาและกำลังการผลิตได้ 

 

ขณะที่กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จะได้รับผลกระทบเชิงลบรองลงมา 

 

“ก่อนหน้านี้ที่ค่าเงินบาทแข็งค่าจะเป็นช่วงที่ทั่วโลกเผชิญกับปัจจัยสงครามการค้า ซึ่งทำให้ผู้ส่งออกของไทยและประเทศอื่นๆ รับผลกระทบทั้งจากค่าเงินที่แข็งค่าและปริมาณการขายที่ปรับลดลง แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมือนกัน แม้ว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น แต่กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จะไม่ได้แย่ลงมาก เนื่องจากจะมีออร์เดอร์ที่กำลังฟื้นตัวจากความต้องการทั่วโลกเข้ามาเสริม” 

 

จับตา ‘ฟันด์โฟลว’ แผ่ว 

อย่างไรก็ตาม นอกจากผลกระทบต่อแนวโน้มธุรกิจและผลประกอบการแล้ว กรณีเงินบาทแข็งค่ารอบนี้จะส่งผลต่อเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศด้วยเช่นกัน โดยอาจทำให้ต่างชาติเริ่มชะลอการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย หลังจากเริ่มเห็นทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising