จากกรณีรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์สำหรับผู้ที่เดินทางใช้ชีวิตในกรุงเทพมหานครอย่างกว้างขวาง เมื่อตรวจสอบทวิตเตอร์ของ BTS (BTS_SkyTrain) พบการแจ้งเหตุขัดข้องในเดือนมิถุนายนนี้ถึง 9 ครั้ง ดังนี้
1. วันที่ 6 มิ.ย. เกิดเหตุขัดข้องที่สถานีชิดลม
2. วันที่ 12 มิ.ย. เกิดเหตุขัดข้องที่สถานีอ่อนนุช
3. วันที่ 13 มิ.ย. เกิดเหตุขัดข้องที่สถานีสยาม
4. วันที่ 15 มิ.ย. เกิดเหตุขัดข้องที่สถานีพร้อมพงษ์-อโศก
5. วันที่ 18 มิ.ย. เกิดเหตุขัดข้องที่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ
6. วันที่ 22 มิ.ย. เกิดเหตุขัดข้องที่สถานีสำโรง
7. วันที่ 22 มิ.ย. เกิดเหตุขัดข้องที่สถานีชิดลม-เพลินจิต
8. **วันที่ 24 มิ.ย. เกิดเหตุอาณัติสัญญาณขัดข้องตั้งแต่สถานีสยาม ถึง สะพานควาย (7 สถานี)
9. **วันที่ 25 มิ.ย. เกิดเหตุอาณัติสัญญาณขัดข้องทั้งสายสีลมและสายสุขุมวิท
จากข้อมูลดังกล่าวพบว่าสายสุขุมวิทจะเกิดปัญหาขัดข้องบ่อยที่สุด และเมื่อเวลา 10.00 น. ทาง BTS ได้ทวีตข้อความว่าระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสสามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว
อย่างไรก็ตามกระแสความไม่พอใจของผู้ใช้บริการยังร้อนแรงในโลกออนไลน์ โดยแฮชแท็ก #ยกเลิกสัมปทานBTS ยังติดอยู่ใน Trend ยอดนิยมของ Twitter ตลอดทั้งวันนี้
เมื่อตรวจสอบราคาหุ้นของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS พบว่าเปิดตลาดที่ 9.20 บาทต่อหุ้น โดยราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 9.35 บาทต่อหุ้น หรือ 1.63% ขณะที่ผลประกอบการของ BTS ย้อนหลัง 3 ปี พบว่า ปี 2559 และ 2560 มีรายได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 2560 มีรายได้กว่า 1.7 หมื่นล้านบาท ขณะที่กำไรปี 2559 อยู่ที่ 4.1 พันล้านบาท ปี 2559 มีกำไรลดลงเหลือ 2 พันล้านบาท และปี 2561 มีกำไร 4.4 พันล้านบาท
สำหรับสถานีที่มีผู้โดยสารมาใช้บริการมากที่สุด 5 อันดับคือ 1. สถานีสยาม มีผู้ใช้บริการ 1.48 แสนเที่ยวคนต่อวัน 2. สถานีอโศกมีผู้ใช้บริการ 1.35 แสนเที่ยวคนต่อวัน 3. สถานีหมอชิต มีผู้ใช้บริการ 1.18 แสนเที่ยวคนต่อวัน 4. สถานีศาลาแดง มีผู้ใช้บริการ 8.8 หมื่นเที่ยวคนต่อวัน และ 5. สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีผู้มาใช้บริการ 8.7 หมื่นเที่ยวคนต่อวัน
