ตำรวจ บก.ปอศ. ยอมรับ ผู้บริหารใหม่ STARK แจ้งเบาะแสพบข้อมูลผู้บริหารเก่าบางรายโกงเงินบริษัท เล็งรวบรวมหลักฐานฟ้องดำเนินคดี

บก.ปอศ. ยอมรับ ผู้บริหารชุดใหม่ของ STARK เข้าให้เบาะแสตำรวจกับ DSI หลังพบข้อมูลผู้บริหารเก่าบางรายฉ้อโกงเงินบริษัท พร้อมเตรียมรวบรวมข้อมูลหลักฐานส่งตามมา เล็งฟ้องร้องดำเนินคดีเอาผิด

แหล่งข่าวกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (บก.ปอศ.) กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่าผู้บริหารชุดใหม่ของ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK ได้เข้ามาพบกับทีม บก.ปอศ. เพื่อให้ข้อมูลเบาะแสว่าอาจมีผู้บริหารเก่าบางคนฉ้อโกงเงินของบริษัทไป

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ บก.ปอศ. ยังรอข้อมูลเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนจากทีมผู้บริหารชุดใหม่ของ STARK ที่อยู่ระหว่างการรวบรวม โดยขึ้นกับความพร้อมของฝ่าย STARK ซึ่งหากมีความพร้อมแล้วก็จะการนัดเข้ามาพบอีกครั้งเพื่อส่งหลักฐานทั้งหมดเข้ามาในภายหลังเพื่อนำมาทำการตรวจสอบในเชิงลึก ซึ่งหากพบมูลความผิดก็จะมีการดำเนินคดีกล่าวโทษตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

สำหรับการทำงานในการตรวจสอบกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นของ STARK จะต้องมีการประสานการทำงานร่วมกันระหว่าง 3 หน่วยงาน ทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และ บก.ปอศ.

“ตอนนี้ บก.ปอศ. ยังไม่ได้รับข้อมูลหรือหลักฐานเอกสารที่ชัดเจนจากผู้บริหารชุดใหม่ของ STARK เพียงแค่เป็นการเข้ามาแจ้งเบาะแสในเบื้องต้นไว้ก่อนว่ามีผู้บริหารเก่าบางคนโกงเงินบริษัทไป ก็ถือว่าเป็นการดำเนินการขั้นตอนในการฟ้องร้องกล่าวโทษตามปกติ ซึ่งผู้บริหาร STARK ก็ไปแจ้งเบาะแสกับ DSI ไว้ด้วยอีกหน่วยงาน”

ทางด้าน ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่ได้รับการติดต่อขอความร่วมมือจากทั้ง 3 หน่วยงาน ทั้งสำนักงาน ก.ล.ต., DSI และ บก.ปอศ. เพื่อขอความร่วมมือในการทำงานหรือขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ STARK โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการติดต่อกลับไปสอบถามว่ามีประเด็นใดที่สามารถสนับสนุนการทำงานได้บ้าง ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างการปรึกษาหารือร่วมกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) และสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC)

สำหรับแนวทางการทำงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ เน้นการให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) เปิดเผยข้อมูลที่มีความสำคัญและมีผลกระทบต่อราคาหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง หากเป็นข้อมูลงบการเงินจะต้องได้รับการตรวจสอบและรับรองจากผู้สอบบัญชี แต่หากมีข้อมูลไม่ครบถ้วน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะมีมาตกรการต่างๆ ให้ต้องดำเนินการตามที่กำหนดไว้

สำหรับกรณีปัญหาของ STARK หากมีข้อมูลที่มีความคืบหน้าเพิ่มเติมก็จะมีการเปิดเผยผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อนำไปเผยแพร่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบต่อไป

“สิ่งที่ตลาดทุนไทยหรือทั่วโลกต้องระมัดระวังคือการทำอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ ดังนั้นในการกำกับดูแลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องมีการปรับตัวมากขึ้นตามสภาวะตลาด ตามวิธีการที่ Stakeholder นำมาใช้ในการทำธุรกิจที่เราอาจต้องเพิ่มการควบคุมดูแลมากขึ้นให้ครบถ้วน แต่ต้องไม่ทำให้ผู้ที่ทำธุรกิจด้วยความสุจริตถูกกระทบไปด้วย”

ส่วนกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการปลด SP ชั่วคราวกับหุ้น STARK โดยเปิดให้ทำการซื้อขายได้ระหว่างวันที่ 1-30 มิถุนายนนี้ ได้มีการปรึกษาหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาอย่างต่อเนื่องแล้ว โดยแม้ว่าจะรอให้ถึงวันที่ 16 มิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นวันที่ STARK กำหนดจะส่งผลการตรวจสอบและนำส่งงบการเงินสอบทานประจำปี 2565 และผลดำเนินงานตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) ก็ยังไม่มีความมั่นใจว่าจะมีการส่งข้อมูลมาเพิ่มเติมได้ทันกำหนดหรือไม่ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่เปิดให้ซื้อขายหุ้น STARK ได้ชั่วคราว

“เคสของ STARK แต่ละผู้เล่นในตลาดทุนในอนาคตอาจต้องปรับ Process ระบบวิธีการทำงานร่วมกับ Stakeholder ถึงขนาดต้องเสนอแก้ไขกฎหมายระเบียบต่างๆ สังคายนาในระบบเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ให้มีช่องโหว่น้อยลง ซึ่งทุกองค์กรในตลาดทุนต้องมาร่วมกันทำในอนาคต”

ด้าน แมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ปัจจุบันต้องเฝ้าติดตามผลความคืบหน้ากรณีที่ผู้บริหาร STARK ได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไร ขณะที่หาก STARK ไม่สามารถเปิดเผยผลการตรวจสอบและนำส่งงบการเงินสอบทานประจำปี 2565 และผลดำเนินงานตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) ภายในวันที่ 16 มิถุนายนนี้ ตามที่ STARK กำหนดไว้ หลังครบระยะเวลาการเปิดให้ซื้อขายหุ้น STARK ได้ชั่วคราวจำนวน 30 วัน ก็จะมีการขึ้นเครื่องหมาย SP สั่งพักการซื้อขายหุ้น STARK ต่อไปจนกว่าจะมีความคืบหน้าของข้อมูลที่สั่งให้เปิดเผยส่งมา