ซีอีโอ Starbucks เชนร้านกาแฟชื่อดัง ทำทุกวิถีทางเพื่อกอบกู้แบรนด์ ล่าสุดประกาศเตรียมปลดพนักงานฝ่ายบริหารในสหรัฐฯ 1,100 คน เซ่นวิกฤตยอดขายร่วง 4 ไตรมาสติดต่อกัน แต่ย้ำว่าจะไม่กระทบพนักงานหน้าร้านและคลังสินค้า
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ภาวะเศรษฐกิจมีส่วนทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป หลายคนประหยัดค่าใช้จ่ายกันมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ Starbucks ในช่วงปีที่ผ่านมาสหรัฐฯและจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ทำรายได้หลักให้กับ Starbucks ทำยอดขายต่อสาขาเดิม (Same-Store Sales) ลดลงติดต่อกันถึง 4 ไตรมาส
ท่ามกลางความพยายามของแบรนด์ที่พัฒนาหลากหลายกลยุทธ์เพื่อดึงลูกค้ากลับเข้าร้าน แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายท่ามกลางการแข่งขันของตลาดร้านกาแฟที่รุนแรงขึ้น ทำให้ลูกค้ามีทางเลือก หันไปซื้อกาแฟจากแบรนด์คู่แข่งที่มีราคาถูกกว่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Starbucks เตรียมตัดเมนูออก 30% ทุกสาขาทั่วโลก หวังลดความซับซ้อนในการบริการและเสิร์ฟลูกค้าได้เร็วขึ้น
- Starbucks จ่อขึ้นราคาในญี่ปุ่นสูงสุด 6% เริ่ม 15 ก.พ. นี้ เน้นสาขาในเมืองใหญ่ ค่าแรงและค่าเช่าสูง
- ไม่ฟรีอีกแล้ว! Starbucks ประกาศชัด จะเข้ามานั่งในร้านหรือใช้ห้องน้ำได้ต้องเป็น ‘ลูกค้า’ เท่านั้น กฎใหม่ถูกใช้ทุกสาขาทั่วอเมริกาเหนือ
กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ Brian Niccol ซีอีโอ Starbucks ประกาศเตรียมปลดพนักงานฝ่ายบริหารจำนวน 1,100 คนในสหรัฐฯ จากจำนวนพนักงานทั้งหมดประมาณ 16,000 คน ไม่รวมกับพนักงานหน้าสาขา พร้อมบอกอีกว่าในช่วงนี้จะไม่เปิดรับสมัครพนักงานใหม่เพิ่ม ซึ่งจะไม่กระทบต่อพนักงานที่ให้บริการในร้านกาแฟ และคลังสินค้า
พร้อมระบุว่า Starbucks อยู่ในช่วงปรับโครงสร้างองค์กรให้เรียบง่ายขึ้น ลดขั้นตอนที่ซับซ้อน และตัดตำแหน่งที่ซ้ำซ้อนออกไป ดังนั้นการลดพนักงานฝ่ายบริหาร จะทำให้ธุรกิจมีความคล่องตัวมากขึ้นและจะจัดตั้งทีมขนาดเล็กให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตามวิชันขององค์กรต้องการให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพและทำงานร่วมกันได้ดีมากขึ้น เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นตามเป้าหมายที่ต้องการกอบกู้ทั้งรายได้และกำไร” ซีอีโอ Starbucks ย้ำ
ภาพ: TY Lim / Shutterstock
อ้างอิง: