×

Sri Lanka สีสันเมืองชายทะเล ล่องเรือดูวาฬสีน้ำเงิน สัมผัสไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย

21.02.2020
  • LOADING...

ศรีลังกาเป็นหนึ่งจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกกำลังให้ความสนใจ กระทั่ง Lonely Planet ยังยกให้เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2019 เพราะการผสมผสานความหลากหลายของทั้งสถาปัตยกรรม ศิลปวัฒนธรรม ด้วยการเข้ามาของชาติตะวันตกทั้งโปรตุเกส ดัตช์ และอังกฤษ

 

นอกจากจะมีสถานที่สำคัญทางศาสนาแล้ว ศรีลังกายังเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติทางบก ที่เป็นแหล่งปลูกชาสำคัญของโลก รวมไปถึงทางทะเลที่มีระบบนิเวศอันอุดมสมบูรณ์ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย’

 

THE STANDARD POP จึงขอชวนทุกท่านไปสำรวจกันว่า ที่ศรีลังกานี้มีอะไรที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ควรไปเยือนบ้าง 

 

สำรวจเมือง Galle เมืองชายทะเล 

จากท่าอากาศยานโคลัมโบ บันดารานาเยก สนามบินหลักของประเทศศรีลังกา เราใช้เวลาในการเดินทางราว 3 ชั่วโมง มุ่งหน้ามายังเมืองกอลล์ หาดทางตอนใต้ของศรีลังกา เมืองชายทะเลที่มีประภาคารตั้งตระหง่าน เป็นแลนด์มาร์กของศรีลังกาที่กำลังได้รับความนิยมไม่น้อย เด่นด้วยบ้านเรือนที่สร้างขึ้นในสไตล์โคโลเนียล ซึ่งมีการวางผังเมืองอย่างเป็นระเบียบ ผสมผสานความหลากหลายอย่างลงตัว ทั้งโบสถ์เก่า พิพิธภัณฑ์ รวมไปถึงคาเฟ่ ร้านอาหาร และแกลเลอรี

 

 

เริ่มต้นที่ ป้อมปราการเมืองกอลล์ (Galle Fort) หนึ่งในมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ที่นี่ป้อมปราการใหญ่ที่สุดในเอเชียที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยมีหอนาฬิกาเมืองกอลล์ (Galle Clock Tower) ตั้งเด่นอยู่ด้านบน สร้างขึ้นโดยชาวโปรตุเกสที่เข้ามาปกครองศรีลังกาในปี ค.ศ. 16 เดิมทีป้อมแห่งนี้มีลักษณะเป็นกำแพงดินและรั้วไม้อยู่บนหน้าผา ต่อมาชาวดัตช์ที่เข้ามาปกครองก็ได้บูรณะเป็นกำแพงหินแกรนิตที่แข็งแรงขึ้น 

 

 

ผ่านซุ้มประตูเข้าไปด้านหลังจะพบกับชุมชนที่ผสมผสานความหลากหลายทางวัฒนธรรมและศาสนา ที่สะท้อนผ่านสถาปัตยกรรมได้อย่างไม่เคอะเขินหรือแปลกแยก ไม่ว่าจะเป็น สุเหร่ามีรา (Meera Mosque) มัสยิดใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในกอลล์ สามารถนับอายุย้อนไปได้ราว 300 ปี และ Dutch Reformed Church โบสถ์นิกายโปรเตสแตนต์ที่เก่าแก่ที่สุดในศรีลังกา ให้เราได้แวะไปเยี่ยมเยียน 

 

เลาะเลียบชายฝั่งไปเรื่อยๆ จะพบกับจุดชมวิวประภาคารกอลล์ (Galle Lighthouse) ประภาคารที่เก่าแก่ที่สุดในศรีลังกา สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1848 ย้อนอายุไปได้ราว 172 ปี อีกทั้งยังเป็นประภาคารที่ตั้งอยู่ตอนใต้สุดของทวีปเอเชีย หนึ่งจุดชมวิวยอดนิยมที่ใครหลายคนคุ้นตาดี ตั้งตระหง่านหันหน้าออกสู่ท้องทะเลสีเขียวมรกต

 

 

 

การเยี่ยมชมเมืองกอลล์นี้สามารถทำได้ทั้งการเดินเท้าหรือนั่งรถตุ๊กตุ๊ก โดยเสน่ห์อย่างหนึ่งของที่นี่คือในช่วงเย็นชาวเมืองกอลล์จะออกมาใช้เวลาผ่อนคลายนั่งรับลมทะเลตามแนวชายฝั่ง อีกทั้งยังมีร้านค้าและรถขายอาหารเล็กๆ ให้เราได้ลองลิ้มชิมอาหารในรสชาติแบบคนศรีลังกา มาช่วยสร้างความคึกคักให้เมืองแห่งประวัติศาสตร์แห่งนี้

 

 

ล่องเรือชมวาฬสีน้ำเงินในดินแดนไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย

 

หนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนศรีลังกา คือการล่องเรือชมโลมาและวาฬสีน้ำเงิน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่เมือง Mirissa เมืองทางตอนใต้สุดของประเทศ โดยสามารถชมวาฬได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนของปี 

 

 

และครั้งนี้เป็นโชคดีของเราที่ได้เจอกับฝูงโลมา และวาฬที่โผล่พ้นน้ำมาให้เราได้เห็นหลังจากล่องเรือออกไปจากชายฝั่งราว 2 ชั่วโมง ด้วยอาการวิงเวียนและอาเจียนตลอดทาง 

 

 

หลังล่องเรือดูวาฬ เรากลับมาที่ชายฝั่งเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน บริเวณชายหาดเมือง Mirissa นี้ มีเหล่าเซิร์ฟเฟอร์จำนวนไม่น้อยมารวมตัวกันโต้คลื่นตลอดทั้งแนวหาด คลื่นที่นี่เหมาะกับเหล่านักเซิร์ฟมือใหม่ที่สนใจจะมาเรียนโต้คลื่นมากๆ 

 

 

นั่งรถจี๊ปซาฟารี ส่องสัตว์ที่อุทยานแห่งชาติยาลา

ด้วยความที่ศรีลังกาเป็นประเทศที่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ หนึ่งกิจกรรมที่พลาดไม่ได้เมื่อมาที่นี่คือ การท่องเที่ยวแบบ Wild Safari ด้วยการนั่งรถจี๊ปซาฟารีส่องสัตว์ป่าภายในอุทยานแห่งชาติยาลาที่มี Rangers คอยนำทาง ไม่ว่าจะเป็นควายป่า กวาง จระเข้ หมูป่า เหยี่ยว นกเงือก และนกยูง โดยสัตว์ป่าดาวเด่นของที่นี่คือเสือดาว และโชคดีวันที่เราไป ได้เห็นเสือดาวถึง 2 ตัว ที่กำลังแอบมองเราอยู่ไกลๆ บนต้นไม้ (และโชคร้ายที่เราพกเลนส์ไปไม่พอ) และสัตว์นักล่าตัวนี้จะลงมาจากต้นไม้เฉพาะเวลาล่าเหยื่อเท่านั้น (หนึ่งข้อสำคัญของการมาเที่ยวซาฟารี คือ เราต้องเผื่อใจไว้ 50-50 เพราะโชคไม่ดี เราอาจไม่ได้เจอสัตว์ป่าเลยสักตัว) 

 

 

อีกหนึ่งความพิเศษของซาฟารีแห่งนี้คือ ฝั่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติยาลาจะติดกับมหาสมุทรอินเดียที่ยังคงทิ้งร่องรอยจากสึนามิเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ไว้ให้เห็น แต่ Rangers เล่าให้เราฟังว่าด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ป่า ทำให้ไม่มีสัตว์ป่าสักตัวที่ตายในวันนั้น 

 

 

Stilt Fishing วิธีการตกปลาแบบดั้งเดิมของชาวศรีลังกา

Stilt Fishing หรือการตกปลาบนไม้ค้ำ เป็นหนึ่งวิถีชีวิตดั้งเดิมที่หาดูได้เฉพาะที่เมืองค็อกการา (Koggala Beach) เท่านั้น โดยชาวประมงที่นี่จะนั่งตกปลาอยู่บนไม้ค้ำ ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ที่ปักอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราว 3 เมตร ใช้เงินที่ส่องแสงวิบวับเป็นเหยื่อล่อปลาให้มากินเบ็ด โดยแต่ละตระกูลจะมีเทคนิคเฉพาะตัวในการตกปลา 

 

สัมผัสมนต์เสน่ห์ของ Colombo เมืองหลวงของศรีลังกา 

เมืองโคลัมโบเป็นหนึ่งเมืองที่มีเสน่ห์และชีวิตชีวาไม่เบา ด้วยสถาปัตยกรรมภายในเมืองที่ทิ้งร่องรอยอารยธรรมตะวันตกในยุคล่าอาณานิคม และความรุ่มรวยของมรดกทางวัฒนธรรมที่ผสมผสานความเป็นอินเดีย ตะวันออกกลาง และตะวันตกได้อย่างลงตัว

 

 

สิ่งหนึ่งที่เราประทับใจคือตึกรามบ้านช่องของที่นี่ มีสีสันสดสวย ขนานไปกับชายหาดของมหาสมุทรอินเดีย ที่สามารถมองไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ตลอดแนวมหาสมุทรที่ขนาบข้างไปด้วยรางรถไฟแห่งนี้เป็นแหล่งรวมของชาวศรีลังกา ที่ทุกเช้าและค่ำจะคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่โดยสารรถไฟเข้ามาทำงานในเมือง (อาจเปรียบได้กับการนั่งรถไฟฟ้า BTS เข้ามาทำงานในย่านธุรกิจแบบบ้านเรา) และหากเรามาในช่วงพระอาทิตย์กำลังตกดิน เราก็จะได้เห็นภาพของดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบมหาสมุทร โดยมีขบวนรถไฟเป็นฉากหน้า 

 

หนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อมาเยือนศรีลังกา คือการแวะสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอย่างวัดคงคาราม ซึ่งเป็นวัดในพุทธศาสนา นิกายสยามวงศ์ ซึ่งเป็นวัดที่ผสมระหว่าง ศรีลังกา อินเดีย ไทย และจีน หลายคนเดินทางมาที่นี่เพื่อประกอบพิธีเทินพระธาตุ 

 

อีกทั้งภายในพระอุโบสถยังมีพระปางสมาธิและพระยืนขนาดใหญ่ ให้ได้เข้าไปสักการะอีกด้วย โดยการไหว้พระของชาวศรีลังกานี้จะไม่มีการจุดธูปเทียน หากแต่บูชาด้วยดอกไม้สด เช่น ดอกบัวเผื่อนสีแดง ดอกมะลิ เป็นต้น 

 

 

ภายในบริเวณวัดยังมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ มาจากเมืองอนุราธปุระ ซึ่งเป็นหน่อจากเมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย ล้อมรอบด้วยเสาพระเจ้าอโศก สัญลักษณ์ของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระเจ้าอโศก นอกจากนี้แล้ว ภายในวัดคงคารามยังมีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสะสมของเก่า ของโบราณ เอาไว้เป็นเครื่องบันทึกเรื่องราวของชาวศรีลังกาไว้อีกด้วย 

 

 

ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้น แม้ว่าคนที่นี่ส่วนใหญ่จะทานมังสวิรัติ แต่ของดีขึ้นชื่อของที่นี่กลับเป็นปูม้าตัวใหญ่ๆ เนื้อแน่น รสหวาน จับขึ้นมาปรุงสดๆ จากมหาสมุทรอินเดีย บ้างนำมาทำแกงกะหรี่ บ้างนำมานึ่ง เสิร์ฟคู่กับอาหารทะเลอื่นๆ กลายเป็นสเต๊กอาหารทะเล  

 

นอกจากนี้แล้วเมนูที่ไม่ควรพลาดของที่นี่ก็คือ Egg Hoppers แพนเค้กสไตล์ศรีลังกา ที่หน้าตาคล้ายกับไข่กระทะของบ้านเรา เสิร์ฟคู่กับแกงกะหรี่ 

 

ตบท้ายด้วย ‘ชาซีลอน’ ชาขึ้นชื่อของศรีลังกาที่ปลูกในภูมิอากาศและภูมิประเทศที่เหมาะสม ผ่านกรรมวิธีการเก็บยอดอ่อนใบชาด้วยมือ ผลิตและบรรจุทันทีที่แหล่งปลูก เพื่อให้ได้ชาสดใหม่ และรสชาติดี 

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

FYI
  • การเดินทาง สายการบินแห่งชาติ SriLankan Airlines ระยะเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 
  • สมาชิกบัตรเคทีซีสามารถสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร กับแพ็กเกจ ‘Unseen Sri Lanka Safari’ ราคาพิเศษก่อนใครได้ที่ สมาชิกบัตรเคทีซีที่ชอบใช้บริการด้านการท่องเที่ยวเดินทางแบบครบวงจร ได้ที่ ‘KTC World Travel Service’ ผ่านทางเว็บไซต์ www.ktcworld.co.th/, Facebook ktcworld หรือ KTC LINE Official
  • การเดินทางภายในประเทศ สามารถเดินทางได้ด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือรถโดยสารสาธารณะ ทั้งรถบัสโดยสารประจำทางและรถไฟ ซึ่งเป็นวิธีการเดินทางที่ชาวศรีลังกานิยม
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising