วันนี้ (16 ตุลาคม) ที่อาคารรับรองพิเศษ VIP ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเข้าร่วมการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF) ครั้งที่ 3 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางว่า จากรายงานล่าสุดมีคนไทยถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่ม 1 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน สถานการณ์ไม่ได้เบาบางลง ยังอยู่ในขั้นวิกฤตเหมือนเดิม เที่ยวบินที่เดินทางมาในครั้งนี้มีคนที่ไม่สามารถเดินทางมาได้อีก 6 คน ซึ่งเข้าใจว่าอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงอาจออกมาไม่ได้ กระทรวงการต่างประเทศจะมีการประชุมกันวันนี้ในเวลา 16.00 น. และเมื่อตนเดินทางถึงกรุงปักกิ่งก็คงได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่ได้สั่งการไปแล้วว่าให้พยายามหาเที่ยวบินเพิ่ม คิดว่าน่าจะได้เที่ยวบินเพิ่ม และอพยพได้ถึง 7,000 คน ให้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้
เมื่อถามว่ามีสัญญาณบวกในการช่วยเหลือตัวประกันหรือไม่ นายกรัฐมนตรียอมรับว่ายังไม่มี แต่ยังมีความพยายามทุกวิถีทางอยู่ ก่อนยืนยันว่ามีความคืบหน้าในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ยังไม่มีการปล่อยตัว
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า สถานการณ์ในประเทศอิสราเอลยังน่ากังวล ทางการของเราก็มีการสั่งการให้อพยพคนกลับให้เร็วที่สุด เรื่องอื่นเป็นเรื่องรอง เรื่องของตัวประกันเป็นเรื่องสำคัญ
ส่วนกรณีแรงงานบางส่วนออกมาเปิดเผยว่า นายจ้างยังบังคับให้ทำงานอยู่นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า เรื่องนี้ไม่มีแล้ว ตอนนี้เรื่องนี้เงียบหายไปเยอะแล้ว ได้มีการสั่งการ รวมถึงบอกกับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยไปแล้ว ว่าเรื่องนี้เรารับไม่ได้ ต้องขออย่าให้มีเรื่องนี้เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องของความเป็นความตาย จะบังคับให้เขาทำงานนั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งท่านก็รับปากจะดูแลให้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิด้วยเที่ยวบิน TG 8834
ส่วนการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อพิจารณาแต่งตั้งนายตำรวจระดับผู้บัญชาการนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ผ่านไปได้ด้วยดี ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นอดีตข้าราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังชมว่าการแต่งตั้งครั้งนี้เป็นการแต่งตั้งครั้งที่ดีที่สุด เพราะได้คำนึงถึงความอาวุโส ความเหมาะสม ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี พร้อมขอชื่นชมผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และกรรมการกลั่นกรองที่ทำงานมาได้ด้วยดี
