เกิดอะไรขึ้นเมื่อ Spotify ออกกฎใหม่ ระงับการโปรโมตเพลงที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม

Spotify ประกาศกฎข้อใหม่ในชื่อว่า Hate Content and Hateful Conduct ที่จะแยกแยะคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม ซึ่งหากได้รับแจ้ง ทาง Spotify มีสิทธิ์ที่จะลบคอนเทนต์ดังกล่าว ระงับการโปรโมต หรือระงับการใส่ในเพลย์ลิสต์แนะนำได้ทันที อย่างไรก็ตาม ความเหมาะสมก็ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของสังคมในพื้นที่ต่างๆ โดย Spotify จะตรวจสอบและตัดสินใจจากภาพรวมอีกครั้งผ่านการช่วยเหลือของกลุ่มองค์กรผู้สนับสนุนสิทธิทั้ง The Southern Poverty Law Center, The Anti-Defamation League, Color of Change, Showing Up for Racial Justice, GLAAD, Muslim Advocates และ The International Network Against Cyber Hate

นอกจากนี้ Spotify ยังเพิ่มเครื่องมือ Spotify Audio Watch แจ้งเตือนคอนเทนต์ที่ได้รับแจ้งจากผู้ใช้งานจากทุกมุมโลกว่ามีความไม่เหมาะสมหรือสนับสนุนความเกลียดชัง โดยทีม Spotify จะใส่ใจความเห็นของผู้ใช้งานที่แจ้งมา แล้วนำมาตรวจสอบตามกฎระเบียบอีกครั้งก่อนดำเนินการตามความเหมาะสม

แต่ส่วนที่สำคัญและน่าเป็นห่วงที่สุดอาจเป็นการที่ศิลปินหลายคนที่ถูกฟ้องร้องคดีคุกคามทางเพศในรูปแบบต่างๆ ซึ่ง Spotify เองมีสิทธิ์ที่จะแก้ไขหรือจัดการกับผลงานของศิลปินที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมได้เช่นกัน

เช่นเดียวกับกรณีของ R. Kelly นักแต่งเพลงชื่อดังที่โดนกล่าวหาในคดีคุกคามทางเพศมาตั้งแต่ปี 1994 ซึ่งถือเป็นตัวอย่างต่อการรับผิดชอบสังคมของ Spotify ที่ล่าสุดได้ออกมาระงับการโปรโมตเพลงของเขาทั้งหมด (แต่ผู้ใช้งานยังสามารถเสิร์ชหาชื่อเพื่อฟังเพลงของเขาได้อยู่) Spotify ระบุว่าบริษัทไม่ได้เซนเซอร์คอนเทนต์เพราะพฤติกรรมของศิลปิน แค่เพียงต้องการให้ระบบมิวสิกสตรีมมิงสะท้อนภาพลักษณ์และคุณค่าของ Spotify อย่างถูกต้อง

ฝ่ายผู้จัดการของ R. Kelly เองก็ออกมาแถลงการณ์ว่า Spotify ตัดสินใจจากข้อกล่าวหาที่ผิดและไม่เป็นความจริง อีกทั้งยังยืนยันว่าผลงานเพลงของ R. Kelly ตลอด 30 ปีมีแต่เพลงที่ว่าด้วยความรักและความหลงใหลในตัวผู้หญิง R. Kelly ยังไม่เคยถูกตัดสินว่าทำผิดในคดีหรือข้อกล่าวหาใดๆ ในแถลงการณ์ยังมีการตำหนิ Spotify อย่างเจ็บแสบว่า

“Spotify เห็นดีเห็นงามกับความบ้าบอในโลกโซเชียลมีเดียและเลือกฝั่งที่ทำให้ตัวเองได้เปรียบในการโต้เถียงครั้งนี้ ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับการให้บริการตรงไหนเลย”

ทีมผู้จัดการของ R. Kelly ยังแจ้งว่ามีศิลปินอีกมากมายที่มีผลงานเพลงใน Spotify และเป็นผู้กระทำความผิดในคดีคุกคามทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว ไปจนถึงศิลปินที่ทำผลงานเพลงที่มีเนื้อหารุนแรงและต่อต้านสตรี

XXXTentacion เป็นอีกหนึ่งแรปเปอร์ผิวสีชาวอเมริกันที่โดน Spotify ระงับการโปรโมต โดยตัวแทนของเขาก็ออกมาตั้งคำถามกับ Spotify ว่าศิลปินที่มีคดีการคุกคามทางเพศหรือคดีการใช้ความรุนแรงคนอื่นๆ จะโดนระงับการโปรโมตใน Spotify เช่นเดียวกันหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น วงดนตรีดัง Red Hot Chili Peppers ที่สมาชิกในวงหลายคนเคยโดนกล่าวหาว่าคุกคามทางเพศมาก่อน, นิค คาร์เตอร์ จาก Backstreet Boys ที่เคยโดนกล่าวหาคดีคุกคามทางเพศ, เจมส์ บราวน์ ที่เคยโดนคดีความรุนแรงในครอบครัว และอีกหลายศิลปินรวม 19 รายชื่อ

Spotify tells me that the new R. Kelly playlist/promotion ban also includes XXXTentacion, who was on Rap Caviar yesterday but not today (case-by-case basis, they say) https://t.co/u05aQ2XZld pic.twitter.com/yuUpoeprPX

— Joe Coscarelli (@joecoscarelli) 10 พฤษภาคม 2561

ในขณะที่เพื่อนร่วมวงการอย่าง 50 Cent ก็ออกมาคัดค้านการตัดสินใจของ Spotify ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาว่า “สิ่งที่ Spotify ทำต่อ  XXXTentacion และ R. Kelly นั้นไม่ถูกต้อง ตอนนี้ยังไม่มีการตัดสินความผิดเลยด้วยซ้ำ” ซึ่ง R. Kelly ก็ตอบกลับเพื่อขอบคุณ 50 Cent ที่ออกมาสนับสนุน

Spotify is wrong for what there doing to artist like R Kelly and xxxtentacion. There not even convicted of any thing.

— 50cent (@50cent) 10 พฤษภาคม 2561

ล่าสุด Spotify เองก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับ New York Times ว่าประเด็นดังกล่าวมีความละเอียดอ่อน และการตัดสินใจยังเต็มไปด้วยการโต้เถียงและความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน อย่างไรก็ตาม ทาง Spotify ก็จะร่วมมือกับพาร์ตเนอร์เพื่อพิจารณาเป็นกรณีไป

ฝั่งผู้สนับสนุนการตัดสินใจของ Spotify มีทั้ง โอโรไนค์ โอเดอไล หนึ่งในแรงผลักของ #MuteRKelly ที่ริเริ่มความต้องการบอยคอตศิลปิน R. Kelly หลังคดีคุกคามทางเพศ และกลุ่มสิทธิสตรีอย่าง Time’s Up ที่รวมถึง เอวา ดูเวอร์เนย์, ชอนดา ไรม์ส, คอนสแตนส์ วู และแอมเบอร์ แทมบลิน ที่ออกมาแชร์ภาพตามโซเชียลมีเดียสนับสนุนการบอยคอต R. Kelly

We join the call to #MuteRKelly and insist on the safety + dignity of all women. We demand investigations into R. Kelly’s abuse allegations made by women of color + their families for two decades. We call on those who profit from his music to cut ties. #MuteRKelly #TIMESUP #WOC pic.twitter.com/TYmDRVIH00

— Ava DuVernay (@ava) 30 เมษายน 2561

การตัดสินใจครั้งใหญ่และกฎข้อใหม่ของ Spotify ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า Spotify ไม่ได้มองว่าตนเองเป็นเพียงบริการมิวสิกสตรีมมิงเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นสื่อที่ส่งผลกระทบตั้งแต่รายได้ของศิลปิน แนวโน้มความนิยม ไปจนถึงค่านิยมในสังคมด้านศีลธรรมอีกด้วย