×

22 ปี Space Jam ภาพยนตร์บาสเกตบอล สานฝันให้คนบินได้

21.09.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • Space Jam เข้าฉายครั้งแรกในปี 1996 นำแสดงโดย ไมเคิล จอร์แดน นักบาสเกตบอลระดับตำนานของโลก ที่ลงสนามกับเหล่าตัวการ์ตูน Looney Tunes ต่อสู้กับปิศาจ
  • เป็นภาพยนตร์บาสเกตบอลที่ประสบความสำเร็จที่สุดนับตั้งแต่ปี 1982 และ สร้างรายได้ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลอด 22 ปีที่ผ่านมา
  • วันนี้แฟนๆ ภาพยนตร์ได้รับข่าวดี เมื่อมีการประกาศทำ Space Jam ภาค 2 นำแสดงโดย ไมเคิล จอร์แดน กำกับโดย เทอเรนซ์ แนนซ์ (ผู้กำกับซีรีส์ Random Acts of Flyness จาก HBO) และไรอัน คูกเลอร์ (ผู้กำกับ Black Panther) เป็นโปรดิวเซอร์ โดยทุกคนยังคงรอลุ้นให้มีการประกาศนำไมเคิล จอร์แดน คืนสนาม Space Jam อีกครั้ง

บางคนอาจจะรู้จักภาพยนตร์เรื่องนี้จากการรับชมผ่านสื่อต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย บางคนอาจจะรู้จักเรื่องนี้ผ่านบทเพลง I Believe I Can Fly ของ อาร์. เคลลี แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่มีใครไม่รู้จักภาพยนตร์เรื่อง Space Jam ที่เริ่มฉายตั้งแต่ปี 1996 ซึ่งนำแสดงโดย ไมเคิล จอร์แดน นักบาสฯ ระดับตำนานกับการ์ตูนจากค่าย Looney Tunes

 

 

มาถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 22 ปีผ่านไปหลังจากข่าวลือ ทั้งการเตรียมสร้างภาค 2 และนำไทเกอร์ วูดส์ มาเล่นกอล์ฟกับตัวบักส์ บันนี แทน หรือข่าวการนำจัสติน ลิน ผู้กำกับ Fast and Furious มากำกับภาคต่อ

 

 

จนเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2018 แฟนๆ Space Jam ก็ได้รับการยืนยันว่า เลอบรอนด์ เจมส์ นักบาสเกตบอลระดับหัวแถวของวงการในปัจจุบัน ก็ได้รับหน้าที่สานต่อเรื่องราวที่รุ่นพี่ได้ทิ้งไว้ โดย Space Jam 2 ครั้งนี้จะเริ่มต้นถ่ายทำในปี 2019 โดยมี เทอเรนซ์ แนนซ์ (ผู้กำกับซีรีส์ Random Acts of Flyness จาก HBO) มาเป็นผู้กำกับ และไรอัน คูกเลอร์ (ผู้กำกับ Black Panther) เป็นโปรดิวเซอร์ พร้อมกับ บักส์ บันนี ตัวละครการ์ตูนจากภาคแรกมาร่วมในฐานะนักบาสฯ ตำแหน่งพอยต์การ์ด

 

 

วันนี้ THE STANDARD จะพาคุณผู้อ่านย้อนวัยไปสู่จุดเริ่มต้นของภาพยนตร์ที่สร้างปรากฏการณ์สำหรับวงการบาสเกตบอล และวงการภาพยนตร์เมื่อ 22 ปีก่อน

 

จุดเริ่มต้นจากโฆษณาสู่ภาพยนตร์ที่ได้แรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของ ไมเคิล จอร์แดน

 

ภาพยนตร์ Space Jam ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ไมเคิล จอร์แดน ได้ร่วมงานกับ บักส์ บันนี ในสนามบาสเกตบอล เพราะพวกเขาร่วมงานกันครั้งแรกในโฆษณาไนกี้เมื่อปี 1992 สำหรับการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล ซูเปอร์โบวล์ บวกกับภาพยนตร์เรื่อง Who Framed Roger Rabbit ในปี 1988 เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดโปรเจกต์ Space Jam ที่นำเอานักกีฬามาลงสนามร่วมกับตัวการ์ตูนขึ้นมา

 

ภาพยนต์เรื่อง Who Framed Roger Rabbit

 

ขณะที่เนื้อเรื่องของ Space Jam นั้นได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของไมเคิล จอร์แดน ซึ่งช่วงเวลานั้นได้ตัดสินใจเกษียณจากกีฬาบาสเกตบอลในปี 1993 ในวันที่เขาประกาศว่าเขาหมดความปรารถนาที่จะเล่นบาสเกตบอลในชีวิตจริง

 

ซึ่งจอร์แดนมาให้สัมภาษณ์ทีหลังว่า การสูญเสียคุณพ่ออดีตนักกีฬาเบสบอลที่ถูกปล้นและฆ่าเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 1993 บนทางด่วนที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา ก่อนจะพบร่างของคุณพ่อเขาถูกทิ้งในบึงข้างทางที่รัฐเซาท์แคโรไลนา และถูกพบเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 1993

 

 

การตัดสินใจเกษียณในจุดสูงสุดของอาชีพหลังคว้าแชมป์บาสเกตบอล NBA 3 ปีซ้อน พร้อมกับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า MVP 3 สมัยติดต่อกันกับ ชิคาโก บูลส์ ของเขาสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการบาสเกตบอล เพราะทุกคนยังอยากเห็นจอร์แดนในการแข่งขันบาสเกตบอลระดับสูง

 

 

แต่สุดท้ายเขาก็เดินตามฝันของคุณพ่อที่ต้องการให้จอร์แดนเติบโตขึ้นเป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพในเมเจอร์ลีกเบสบอล ซึ่งเขาได้เซ็นสัญญากับทีมเบสบอลให้กับทีมชิคาโก้ ไวท์ ซอกซ์ เขาลงฝึกซ้อมกับทีมก่อนจะย้ายไปเล่นให้กับทีมพันธมิตรของ เรดซอกซ์ ในไมเนอร์ลีก เบสบอลที่มีชื่อว่า Birmingham Barons ก่อนจะกลับคืนสู่ทีมชิคาโก บูลส์ ในเดือนมีนาคม 1995 พร้อมกับคำพูดที่โด่งดังว่า ‘ผมกลับมาแล้ว’

 

เขากลับมาคว้าแชมป์ NBA อีกสามสมัยพร้อมกับรางวัล MVP ในรอบชิงอีก 3 ปีระหว่างปี 1996-1998 ตอกย้ำถึงความสามารถระดับตำนานของวงการบาสเกตบอลด้วยผลงานแชมป์ NBA 6 ครั้ง ซึ่งทั้ง 6 ครั้งเขาชูถ้วยพร้อมกับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า หรือ MVP ในรอบชิงทุกครั้งอีกด้วย

 

 

ซึ่งพอภาพยนตร์ Space Jam เข้าฉายครั้งแรกเมื่อปี 1996 หลายคนจึงทราบว่าจอร์แดนไม่ได้หายไปเล่นเบสบอลเพียงอย่างเดียวในช่วงที่เขาเกษียณจากวงการบาสเกตบอลไป แต่ได้ผันตัวไปเป็นนักแสดงครั้งแรกอีกด้วย

 

โดยในฉากแรกเป็นไมเคิล จอร์แดน ในวัยเด็กกำลังฝึกซ้อมชูตบาสฯ ก่อนจะพูดคุยกับคุณพ่อถึงความฝันว่าอยากเป็นนักบาสฯ เอ็นบีเอ และหลังจากนั้นเขาอยากเป็นนักกีฬาเบสบอลเหมือนพ่อเขา ซึ่งพ่อเขาปิดท้ายด้วยคำว่าและ “หลังจากทั้งหมดนั้นแล้ว ลูกจะบินได้” เป็นจุดที่อาจสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของไมเคิล จอร์แดน ในเวลานั้นที่ต้องสูญเสียคุณพ่อไปพร้อมกับความปรารถนาในการเล่นบาสเกตบอล ก่อนที่เนื้อเรื่องในภาพยนตร์จะเป็นเรื่องเล่าในช่วงชีวิตที่จอร์แดนตัดสินใจหยุดพักจากกีฬาบาสเกตบอลอาชีพพอดีเช่นกัน

 

แต่จากการรับบทแสดงที่ตัดสินใจกลับไปเล่นบาสฯ เพื่อช่วยเหลือตัวการ์ตูนพร้อมกับดึงความสามารถของเพื่อนๆ นักกีฬาบาสเกตบอลต่างๆ กลับมาสู่โลกแห่งความจริง ดูเหมือนว่าจอร์แดนจะค้นพบความปรารถนาในการเล่นบาสเกตบอลใหม่อีกครั้งในระหว่างการแสดง และกลับมาคว้าแชมป์อีกสามสมัยกับ ชิคาโก้ บูลส์

 

ไมเคิล จอร์แดน กับภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา

 

 

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 1996 ไมเคิล จอร์แดน ก้าวขึ้นสู่งานแถลงข่าวอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้เขามาในฐานะนักแสดงเป็นครั้งแรกสำหรับการโปรโมตภาพยนตร์ Space Jam ซึ่งไมเคิลเข้าใจหน้าที่การเป็นตัวอย่างสำหรับเยาวชน เมื่อเขาสามารถก้าวเข้ามาสู่วงการบันเทิงเป็นครั้งแรก

 

เขานั่งอยู่ต่อหน้าสื่อกว่า 60 คน เป็นเวลา 50 นาที เพื่อพูดถึงโอกาสครั้งแรกในอาชีพการแสดงของเขา ซึ่งในวันนั้นจอร์แดนยอมรับว่าเขารู้สึกว่าตัวเขาเองเหมือนกับบักส์ บันนี ที่แม้ว่าเขาจะแพ้ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเขาชนะอยู่ดี (ซึ่งหลายคนในเวลานั้นคิดว่าจอร์แดนพูดถึงช่วงเวลาที่เขาล้มเหลวกับการเป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพ)

 

ขณะที่นักแสดงที่จอร์แดนนับถือนั้นประกอบไปด้วย แฮร์ริสัน ฟอร์ด, จีน แฮกแมน, เดนเซล วอชิงตัน และ บิง ครอสบี แต่สิ่งที่จอร์แดนให้ความสำคัญที่สุดในการได้รับโอกาสนี้ คือการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชน

 

“ผมให้ความสำคัญกับการเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเยาวชนเป็นอย่างมาก เด็กๆ มีความสามารถในการจับโกหก คุณไม่สามารถหลอกพวกเขาได้ และตราบใดที่ผมยังรู้สึกดีกับสิ่งที่ผมทำ มันไม่สำคัญหรอกว่าคนจะรู้หรือไม่ แต่สำหรับเยาวชนมีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้ผมกลายเป็นบุคคลที่ได้รับความเคารพนับถือ และผมก็รู้สึกเชิดชูและนับถือพวกเขามากเช่นกัน”

 

และในฐานะที่เขาได้รับโอกาสพูดผ่านสายตาของสื่อในฐานะดารานักแสดง จอร์แดนก็ไม่ทิ้งโอกาสที่จะให้แรงบันดาลใจกับเยาวชนถึงการทำงานอย่างหนักเพื่อความสำเร็จในอนาคต

 

“จงมีความสุขกับการใช้ชีวิต ความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่คุณควรไล่ตาม แต่มันเป็นสิ่งที่มอบให้คุณจากการทำงานหนัก”

 

แรงบันดาลใจจาก Space Jam

 

 

และนั่นก็เป็นสิ่งที่ไมเคิล จอร์แดน สามารถทำได้กับ ​Space Jam แม้ว่าจะมีนักวิจารณ์หลายคนให้คะแนนหนังเรื่องนี้ไว้ต่ำกว่าภาพยนตร์ระดับตำนานหลายเรื่อง โดยหากคุณกดเข้าไปใน IMDb จะพบว่าเรื่องนี้มีคะแนนเพียง 6.4 แต่หากถามเด็กยุค 90 ต้องยอมรับว่า ไม่มีใครไม่รู้จัก Space Jam หรือเพลง I Believe I Can Fly ของ อาร์. เคลลี

 

 

คริสเตน เลดโลว์ ผู้ดำเนินรายการของ NBA Inside Stuff ได้เล่าถึงตัวเองในวัย 8 ขวบ เมื่อปี 1996 ในวันที่เธอตื่นเช้ามาเล่นบาสเกตบอลก่อนไปโรงเรียนทุกวัน ปีเดียวกับที่เธอเริ่มต้นดูบาสเกตบอล NBA และหลงรัก ไมเคิล จอร์แดน

 

เหมือนกับเด็กวัย 8 ขวบหลายๆ คนที่หลงรักการ์ตูน Looney Tunes ครั้งแรกที่เธอเห็นตัวละคร Lola Bunny ซึ่งเป็นตัวละครใหม่ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกกับ Looney Tunes ใน Space Jam ชีวิตของคริสเตนก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

 

“ตอนที่เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ฉันโตขึ้นมาพร้อมกับการดูการ์ตูนผู้หญิงที่มักจะเป็นเจ้าหญิง ซึ่งมักจะติดอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องรอให้คนมาช่วยเหลือ แต่สำหรับฉันแล้วโลลาเป็นตัวละครผู้หญิงตัวแรกในภาพยนตร์ เธอเปิดตัวได้เท่มาก และเธอไม่ต้องให้ใครมาช่วยเหลือเธอ เพราะเธอสามารถเล่นบาสได้อย่างดีเยี่ยม

 

“ตัวละครนี้เป็นสัญลักษณ์ซึ่งแทนทุกอย่างที่ฉันหลงรัก เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของฉันเลย”

 

หลังจากมีข่าว Space Jam 2 เกิดขึ้น แฟนกีฬาบาสเกตบอลหลายคนก็ได้เรียกร้องให้รับคริสเตนเข้าเป็นนักแสดงในภาคต่ออีกด้วย

 

แซค ลาวีน กับท่า The Space Jam Dunk ในการแข่งขัน 2015 NBA Slam Dunk Contest

 

ขณะที่นักกีฬาบาสเกตบอลอาชีพอย่างแซค ลาวีน ได้ทำในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำในการแข่งขัน Dunk Contest ของ NBA เขาเดินเข้าสนามในปี 2015 พร้อมกับเพลงประกอบภาพยนตร์ Space Jam พร้อมเสื้อไมเคิล จอร์แดน และชุดแข่งขันของ Tune Squad จาก Space Jam ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำ เพราะเป็นสิ่งที่เปรียบได้ว่าเขายกตัวเองไปเทียบชั้นกับนักบาสฯ ระดับตำนาน

 

 

แต่ในปีนั้นแซค สร้างเสียงฮือฮาไปทั่วสนาม ด้วยการทำท่าดังก์ของตัวเองว่าที่มีชื่อว่า The Space Jam Dunk ซึ่งนอกจากนักบาสฯ ชื่อดังในสนามจะกระโดดขึ้นด้วยความตื่นเต้นในท่าของเขาแล้ว แซคยังได้ 50 คะแนนเต็มจากผู้ตัดสินอีกด้วย

 

โดยเขาอธิบายถึงสาเหตุที่เลือกใช้ Space Jam เป็นธีมของเขาในปีนั้นว่า

 

“ผมคิดว่าแรงบันดาลใจทั้งหมดเริ่มต้นจาก Space Jam หลังจากที่ผมดูจบ ผมก็ออกไปที่แป้นบาสฯ เล็กๆ ของผม และฝึกดังก์ทุกท่าที่มีในภาพยนตร์”

 

แม้ว่าเขาจะสามารถดังก์ได้เหมือนไมเคิล จอร์แดน ในตอนจบที่ยืดแขนยาวไปดังก์ใส่ทีมปิศาจ แต่เขาก็สามารถชนะการแข่งขัน Slam Dunk ในการลงแข่งขันเป็นครั้งแรกด้วยความที่เขาทุ่มเทต่อภาพยนตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจในวัยเด็กของเขา

 

“ตอนนั้นผมมีอายุเพียง 4 ขวบ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ผมรู้ว่าน่าจะเป็นช่วงอายุนั้น และมันเป็นสิ่งที่ฝั่งอยู่ในความทรงจำของผม”

 

Space Jam เป็นภาพยนตร์ที่อาจจะไม่ได้ถูกจดจำในฐานะตำนานของวงการบันเทิง แต่ด้วยช่วงเวลาปี 1996 ที่นำเอาความล้มเหลวในฐานะนักกีฬาเบสบอลของไมเคิล จอร์แดน มาเปลี่ยนเป็นฮีโร่ในโลกการ์ตูน เป็นสิ่งที่ลงตัวสำหรับเยาวชนที่มีความฝันอยากโตขึ้นเป็นนักบาสเกตบอลระดับ NBA ในเวลานั้น

 

“ไมเคิล จอร์แดน คือ ไมเคิล จอร์แดน ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เราจะทำตาม ในสารคดี Come Fly With Me หรืออะไรก็ตามที่มีไมเคล จอร์แดน เราจะดูหมด ขณะเดียวกันเราก็เป็นเด็กที่ชื่นชอบ Looney Tunes ทั้งสองสิ่งผสมผสานกันอย่างลงตัว ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่อัจฉริยะมาก” แซคพูดถึงความรู้สึกที่เขามีต่อภาพยนต์ Space Jam

 

 

แน่นอนว่าความกดดันตอนนี้ตกไปอยู่ที่ทีมงานที่กำลังเตรียมสร้าง Space Jam 2  เพราะจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นหลังจากการประกาศสร้างภาคสองอย่างเป็นทางการ ทำให้เห็นถึงความคาดหวังของแฟนๆ Space Jam ที่อยากมีความรู้สึกย้อนไปเป็นวัย เด็กที่มีความฝันว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะสามารถทำได้ตามความฝันที่ตั้งไว้

 

แม้ว่า Space Jam 2 จะเริ่มถ่ายทำในปี 2019 และยังไม่มีการยืนยันว่า ไมเคิล จอร์แดน จะเข้ามามีบทบาทในภาคนี้หรือไม่ แต่หากวันนั้นมาถึง วันที่เรานั่งชม Space Jam 2 อยู่ในโรงภาพยนตร์ หรือจอโทรศัพท์คงปฏิเสธไม่ได้ว่า

 

หากจุดเปลี่ยนของเรื่องเป็น เลอบรอน เจมส์ และเหล่า Looney Tunes กำลังตกที่นั่งลำบาก ทันใดนั้น ไมเคิล จอร์แดน เดินเข้ามาในชุด Tune Squad เพื่อช่วยเหลือเหล่าตัวการ์ตูนอีกครั้ง พร้อมกับคำพูดที่โด่งดังว่า “ผมกลับมาแล้ว” คงเป็นความรู้สึกที่ดีไม่น้อย

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

FYI
  • สำหรับคนที่อยากย้อนเวลากลับไปถึงความรู้สึกในการใช้อินเทอร์เน็ตยุคที่ Space Jam เปิดตัวใหม่ในปี 1996 รู้หรือไม่ว่า เว็บไซต์ของ Warner Brother ที่เปิดในปีนั้นยังคงทำการอยู่!
  • ติดตามได้จากลิงก์นี้ www2.warnerbros.com/spacejam/movie/jam.htm
  • Space Jam ถือเป็นภาพยนตร์ที่มีการโฆษณาเยอะมากที่สุดเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะประโยคที่เพื่อนของเขา สแตนลี ในหนังเปิดประตูมาบอก จอร์แดนว่า “เร็วๆ ไมเคิล ใส่เสื้อ Hanes ผูกเชือกร้องเท้า Nike กิน Wheaties และดื่ม Gatorade และเราจะไปกินบิ๊กแมค ระหว่างทางไปสนามกัน” ซึ่งนับว่าเป็นการพูดถึง 5 แบรนด์ภายในประโยคเดียว

 

 

  • นอกจากนี้ยังมีเกมที่ได้รับความนิยมมากใน PlayStation

 

เกม Space Jam

 

  • Space Jam เป็นภาพยนต์บาสเกตบอลที่ได้รับความนิยมสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1982 สูงกว่า White Men Can’t Jump และ Coach Carter โดยมีรายได้ทั้งหมด 250 ล้านเหรียญสหรัฐ นับตั้งแต่เข้าฉายในปี 1996
  • เพลงประกอบภาพยนตร์อย่าง I Believe I Can Fly คว้ารางวัล Grammy Awards 3 ครั้ง ขึ้นท็อปของ Billboard R&B Singles Chart 6 สัปดาห์ติดต่อกัน และยังเป็นเพลงที่ดังที่สุดของ อาร์. เคลลี อีกด้วย  
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising