วันนี้ (19 ตุลาคม) สำนักงานศาลยุติธรรมชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในวันนี้ จากกรณีเหตุการณ์บริเวณศาลอาญากรุงเทพใต้ ความว่า วันนี้มีการพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งศาลได้ดำเนินการเสร็จแล้ว จากนั้นมีเยาวชนหญิงได้ปีนรั้วเข้ามาในบริเวณศาลอาญากรุงเทพใต้
ทั้งที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ไม่ได้ปิดประตูรั้วหรือห้ามผู้มาติดต่อราชการเข้าแต่อย่างใด และขณะเวลาที่เกิดเหตุประชาชนก็ยังเข้ามาใช้บริการได้ตามปกติ
เมื่อเกิดเหตุเช่นนั้น เจ้าพนักงานตำรวจศาล ซึ่งมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชนที่มาติดต่อราชการในขณะนั้น เห็นเหตุการณ์และได้เข้าห้ามปรามเพื่อไม่ให้ปีนรั้วเข้ามา จึงถูกบุคคลหนึ่งที่มาพร้อมกับพวกรวม 4 คน เข้ากระชากคอเสื้อเจ้าพนักงานตำรวจศาล จากนั้นกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เดินเข้ามาและด่าทอเจ้าหน้าที่ขณะยืนโทรศัพท์รายงานเหตุการณ์ และโทรแจ้งตำรวจท้องที่ให้เข้ามา
ควบคุมสถานการณ์
ต่อมาบุคคลที่ได้กระชากคอเสื้อเจ้าพนักงานตำรวจศาลก่อนหน้านั้นได้เดินเข้ามาผลักหน้าอกเจ้าพนักงานตำรวจศาล เจ้าพนักงานตำรวจศาลจึงเดินถอยออกและพูดห้ามปรามตามยุทธวิธีปฏิบัติหลายครั้ง แต่บุคคลดังกล่าวยังเดินเข้ามาเตะเจ้าพนักงานตำรวจศาล เจ้าพนักงานตำรวจศาลจึงใช้กระบองขู่ แต่ก็ไม่หยุดและยังเดินเข้าหาเจ้าพนักงานตำรวจศาล จึงใช้กระบองตีเพื่อระงับเหตุและป้องกันตัว
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ กลุ่มบุคคลทั้งหมดขอพบผู้บริหารศาล ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้รับแจ้งจากเจ้าพนักงานตำรวจท้องที่ว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวอ้างว่าจะไปทำแผลและเดินออกไปจากศาลทั้งหมด ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจท้องที่เห็นว่าเป็นสิทธิที่จะไปรักษาตัว จึงมิได้ห้ามปรามหรือขัดขวางแต่อย่างใด
สำนักงานศาลยุติธรรมขอเรียนเพิ่มเติมว่า เจ้าพนักงานตำรวจศาลมีหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณศาลตามหลักสากล เพื่อให้การดำเนินงานของศาลสามารถอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนทุกคนได้สมดังเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างแท้จริง การดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป จะเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดกล้องวงจรปิดในบริเวณศาลสามารถบันทึกไว้ได้
สำหรับกรณีดังกล่าวผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างที่กลุ่มบุคคล นำโดย เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง และ หยก เยาวชนวัย 14 ปี พยายามเข้าไปพบอดีตสามเณรโฟล์ค หรือ สหรัฐ สุขคำหล้า อดีตสมาชิกแนวร่วมราษฎรศาลายาเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งวันนี้มีนัดฟังคำพิพากษาคดีอาญา มาตรา 112 จากกรณีการปราศรัยในม็อบ ‘บ๊ายบายไดโนเสาร์’ ที่จัดโดยกลุ่มนักเรียนเลวเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) สถานีสยาม ซึ่งเจ้าหน้าที่ของศาลพยายามเข้าไปควบคุมความเรียบร้อย จนเป็นเหตุให้กระทบกระทั่งกันเหมือนในคลิปที่ส่งต่อกันบนโลกโซเชียล
