“ใครที่คิดว่าจะให้ผมออกถนนอีก ไม่ต้องแล้ว ผมไม่ออกแล้วนะครับ เห็นใจผมเถอะ 72 แล้วปีนี้…ผมคิดว่ามันหมดยุคของการออกถนนแล้ว มันหมดยุคแล้วจริงๆ”
สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดใจครั้งแรกต่อสื่อและมวลชนที่ติดตามเขา หลังได้รับพระราชทานอภัยโทษให้ออกจากเรือนจำ ที่บ้านพระอาทิตย์วันนี้ (12 กันยายน)
ย้อนกลับไปเมื่อ 6 กันยายน 2559 ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุก สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในคดีความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยการร่วมทำสำเนารายงานการประชุมของกรรมการโดยมีเนื้อหาความเท็จ เป็นเวลา 20 ปี
อิสรภาพของนักหนังสือพิมพ์ และสื่อมวลชนฝีปากกล้าที่ชื่อสนธิ จึงจบลงนับแต่เวลานั้น หลังเขาต่อสู้กับคดีทางการเมืองจำนวนมาก ในห้วงที่ออกมาขับไล่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เป็นระยะเวลาต่อเนื่องนับทศวรรษ
เช้าวันนี้ ที่บ้านพระอาทิตย์ สนธิสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีกากี เขาบอกว่าเป็นการแต่งตัวที่ไม่คุ้นชิน เนื่องจากตลอดระยะเวลา 2 ปี 11 เดือน 27 วัน ต้องนุ่งแต่กางเกงขาสั้นของทางเรือนจำ และที่ต้องใส่แว่นตาดำในวันนี้ เพราะตาซ้ายบอดไปแล้วเนื่องจากเป็นต้อหิน ส่วนตาขวาเป็นต้อกระจกกำลังรักษาอยู่ คุณหมอได้ขอให้ระมัดระวัง และกำชับให้ใส่แว่นดำ เพราะพึ่งผ่านการลอกตาที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 14 กันยายนผ่านมา
ส่วนชีวิตในเรือนจำนั้น สนธิย้ำว่า เขาอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่มีใครกลั่นแกล้ง และยึดหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ด้วยการอยู่กับปัจจุบัน
ส่วนการที่เขาสามารถออกมาจากเรือนจำได้เพราะ ‘ปาฏิหาริย์’ และส่วนตัวรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ สิ่งที่ได้รับจากในเรือนจำมากที่สุดคือ ‘หลักอนิจจัง’
สนธิเปิดเผยด้วยว่า สาเหตุที่ไม่หนีคดี เพราะระลึกถึงคนรอบตัว ครอบครัว และผู้สนับสนุนอยู่เสมอ ต้องการให้เขาเหล่านั้นเดินเชิดหน้าได้อย่างสง่าผ่าเผย และรู้สึกเสียใจที่อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ไม่ยอมไปฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา
“การติดคุกไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เพียงแต่ต้องยอมรับว่า เราเป็นนักโทษ และที่นี่คือคุกต้องปฏิบัติตามระเบียบ”
สนธิยังบอกอีกว่า เขาได้ชดใช้กรรมครบทุกเม็ดทุกวินาทีแล้ว พร้อมกับถามหา ‘บอส อยู่วิทยา’ ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
ชีวิตของสนธิ ลิ้มทองกุล คือชีวิตส่วนหนึ่งที่คนติดตามการเมืองไทยในรอบทศวรรษ จะไม่มีวันลืมชื่อเขาแน่นอน นี่คือบุคคลที่ทรงอิทธิพลทางการเมืองไทยคนหนึ่ง ทั้งในฐานะสื่อ ที่ผันเปลี่ยนตัวเองลุกขึ้นมาสู้กับอดีตนายกฯ ทักษิณ กระทั่งมีชะตากรรมชีวิตต่างแดนในเวลานี้
ขณะที่มวลชนที่สนับสนุนทักษิณ มองว่าเขาคือต้นเหตุของการเมืองไทยที่ขัดเเย้งยาวนาน ร้าวลึกนับทศวรรษเช่นเดียวกัน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์