×

หุ้น ‘SO’ ปิดตลาดพุ่ง 14.3% หลังดึง ‘ท๊อป จิรายุส’ นั่งบอร์ดยุทธศาสตร์ ด้านนักวิเคราะห์เผย ไตรมาส 4 มีลุ้นปิดดีล M&A เพิ่ม

27.12.2021
  • LOADING...
สยามราชธานี

บมจ.สยามราชธานี หรือ SO ดึง ‘จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา’ ซีอีโอ Bitkub ร่วมเป็นกรรมการบริษัทเพื่อเสริมกลยุทธ์ SO ให้แข็งแกร่ง พร้อมลุยธุรกิจปี 2565 ขณะที่ราคาหุ้นตอบรับเชิงบวกตลอดวัน โดยปรับเพิ่มขึ้น 14.29% ราคาปิดที่ 22.40 บาท เพิ่มขึ้น 2.80 บาทจากวันก่อนหน้า ขณะที่ราคาตั้งแต่ต้นปีจนปัจจุบัน (YTD) ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว 153.68% 

 

ณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ผู้นำด้านธุรกิจการจ้างเหมาบริการครบวงจร (Outsourcing Services) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ได้มีการแต่งตั้ง จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ดำรงตำแหน่งกรรมการ กรรมการอิสระ และกรรมการยุทธศาสตร์ของบริษัท แทนกรรมการที่ลาออกไปเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2565 เป็นต้นไป

 

“เหตุผลที่มีการแต่งตั้งคุณจิรายุสเป็นกรรมการแทนตำแหน่งกรรมการที่ว่างลง เนื่องจากเห็นว่าเป็นบุคคลและผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ และมีศักยภาพที่น่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องให้กับสยามราชธานีเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต” ณัฐพลกล่าว

 

ทั้งนี้ ตามกฎหมายตำแหน่งกรรมการดังกล่าว SO สามารถแต่งตั้งได้เลย เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ว่างอยู่โดยไม่ต้องขอมติประชุมผู้ถือหุ้น

 

กรอบหน้าที่และความรับผิดชอบของกรรมการด้านยุทธศาสตร์คือช่วยกำกับให้ฝ่ายบริหารจัดทำแผนยุทธศาสตร์ที่จะช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังร่วมพิจารณากลั่นกรองของฝ่ายจัดการที่มีการนำเสนอโครงการต่างๆ หรือการขยายกิจการการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมคำนึงถึงความเสี่ยงจากการลงทุนด้วยเช่นกัน รวมถึงการกำกับศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโครงการการลงทุนในธุรกิจ และติดตามความคืบหน้าจากโครงการที่ลงทุน พร้อมให้คำแนะนำต่างๆ ต่อปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นกับโครงการ

 

สำหรับ จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา หรือ ท๊อป ปัจจุบันอายุ 31 ปี เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเงินดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี) และบล็อกเชนเทคโนโลยี โดยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ Bitkub ซึ่งเป็นเว็บไซต์ให้บริการการซื้อขายเงินดิจิทัลต่างๆ จนปัจจุบันได้ประกาศเป็นยูนิคอร์นลำดับที่สองของประเทศไทย

 

ทั้งนี้ SO ประกอบธุรกิจใน 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 

  1. ธุรกิจให้บริการจัดหาบุคลากร (Outsourcing Services) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ (1) ธุรกิจบริการบริหารจัดการ ซึ่งประกอบด้วยการให้บริการจัดหาพนักงานขับรถยนต์ พนักงานสำนักงาน พนักงานช่างเทคนิค และบริการงานบันทึกข้อมูล (2) ธุรกิจบริการดูแลภูมิทัศน์ 
  2. ธุรกิจให้เช่าและบริการ เป็นการให้บริการรถยนต์ให้เช่า และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์

 

ด้านผลการดำเนินงานของ SO งวด 9 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้รวม 1,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,524.48 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 126.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 100.73 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน 

 

ขณะที่ฝ่ายวิจัย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มรายได้ในไตรมาส 4/64 คาดว่าจะดีขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ปีนี้ และไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว จากสถานการณ์โควิดที่คาดว่าจะคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น และมีการเปิดประเทศ โดยคาดว่าลูกค้าด้านงานบุคลากรมีโอกาสจ้างงานเพิ่ม และในส่วนของกลุ่มงานพนักงานขับรถ ส่วนแบ่งรายได้ค่าล่วงเวลา (โอที) ของพนักงานขับรถส่งของบริษัทจะกลับมามากขึ้น 

 

นอกจากนี้บริษัทมีโครงการใหม่ๆ ที่มี Potential ในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังได้แก่

  1. โครงการเช่ารถดัดแปลงประเภทรถเครน สัญญาเช่าระยะยาวมากกว่า 10 ปี 
  2. งาน IT Outsourcing อาทิ UI Designer, Project Manager, Database Administration และ IT Help Desk เป็นต้น 
  3. งาน Outsource ในกลุ่มพนักงานขับรถ กว่า 2,000 อัตรา 
  4. Technology บริการพัฒนาระบบให้ตรงตามความต้องการลูกค้า ได้แก่ ระบบอ่านมาตรค่าน้ำ ระบบแสดงผลพิกัดผู้ใช้น้ำ ระบบบันทึกข้อมูลใบสมัครสมาชิก ระบบสลิปเงินเดือน

 

ขณะเดียวกัน ได้คงประมาณการกำไรปี 2564 เติบโต 14% จากปีที่แล้ว เป็น 160 ล้านบาท เนื่องจาก 

  1. รายได้จากกลุ่มลูกค้าเอกชนที่ฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ขณะที่ธุรกิจ HRM มีการขยายการให้บริการใหม่โดยใช้เทคโนโลยีมาช่วยเสริม โดยประมาณการรายได้ปีนี้เติบโต 7% จากปีที่แล้ว เป็น 2,169 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าของบริษัทที่มองเติบโต 11-12% 
  2. ประสิทธิภาพในการทำกำไรดีขึ้น หลักๆ มาจากนโยบายควบคุมต้นทุนตั้งแต่

กลางปีก่อน ทั้งการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน และนำระบบ Automation มาทดแทน ซึ่งจะเห็นผลบวกเต็มปีในปีนี้ รวมถึงงานจากลูกค้าใหม่ที่ให้บริการเช่ารถดัดแปลง ซึ่งมีมาร์จิ้นที่สูงกว่าเดิม และคาดต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงหลังจากการนำเงินได้จาก IPO ไปชำระหนี้ 

 

นอกจากนี้ SO ยังมีดีลในการเข้าซื้อกิจการ M&A เพื่อต่อยอดธุรกิจราว 3 ดีล ได้แก่ การจ้างงาน IT ภายนอก บริษัทซอฟต์แวร์ และการจัดอบรมบุคลากร คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/64 โดยขนาดรายได้ที่ราว 200-300 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลบวกเต็มปีในปี 2565

 


ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth

Instagram: instagram.com/thestandardwealth

Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising