สำหรับคนในเจเนอเรชันก่อน รองเท้าผ้าใบหรือสนีกเกอร์ อาจมีไว้สำหรับเล่นกีฬา แต่สำหรับคนรุ่นใหม่ นี่คือการลงทุนทางเลือกที่ทั้งสนองตอบความชอบส่วนตัวและสร้างกำไรอย่างงามได้ในอนาคต ด้วยการเจริญเติบโตของตลาด 20% ต่อปี และมูลค่าตลาดรีเซลทั่วโลกกำลังจะแตะ 6.3 หมื่นล้านบาทในปี 2030 จึงทำให้มีนักลงทุนรายใหม่เริ่มหันมาสนใจสะสมรองเท้าสนีกเกอร์มากขึ้น และด้วยความที่เป็นสินค้าที่โดนใจวัยรุ่น เราจึงได้เห็นนักลงทุนที่อายุน้อยๆ เข้ามาอยู่ในวงการนี้
“ผมเริ่มสะสมรองเท้าผ้าใบคู่แรกคือ Nike X Off-White The Ten ตอนอายุ 13 ปี ตอนนี้ผมอายุ 15 ปีครับ” เซน-ปาราเมศ รัศมีแจ่ม เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการสะสมรองเท้าที่ทำรายได้ให้เขาถึง 3 แสนบาท และเคยทำกำไรต่อคู่สูงสุดถึง 20,000 บาท นับเป็นเงินที่มากโขทีเดียวในวัยที่เพิ่งทำบัตรประชาชน
“ผมมองว่าการแต่งตัวให้เด่น คนจะสังเกตที่รองเท้าและมองว่าเท้าเป็นส่วนสำคัญ ก็เลยเริ่มชอบมาตั้งแต่ตอนนั้น จากนั้นก็หาข้อมูลจากใน Instagram และเว็บไซต์ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ตอนแรกซื้อมาไม่ได้กะจะเอามาขาย แต่พอได้ดูตามร้านค้าออนไลน์ก็เลยได้เห็นว่ารองเท้าที่เรามีอยู่ราคามันขึ้นนะ เลยคิดว่ามันทำกำไรจากตรงนี้ได้” เขาเริ่มจากการไลฟ์ขายรองเท้าตั้งแต่ปีแรกที่เริ่มสะสม จากนั้นก็โพสต์ขายตามเว็บไซต์ต่างๆ โดยเลือกจากร้านที่น่าเชื่อถือ อ่านจากคอมเมนต์ต่างๆ ซึ่งเป็นช่องทางที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เพราะคนที่สะสมสนีกเกอร์จะอยู่ในช่วงวัยประมาณ 13-35 ปี ที่คุ้นเคยกับระบบออนไลน์อยู่แล้ว อีกช่องทางคือไปฝากขายที่หน้าร้านในย่านสยามสแควร์
ตลาดรีเซลรองเท้าสนีกเกอร์เป็นเพียงไม่กี่ตลาดที่สนองตอบความต้องการด้านอารมณ์และผลตอบแทนอย่างลงตัว เพราะสินค้าเองก็มีสตอรีเฉพาะที่เพิ่มมูลค่าให้กับตัวมันเองจนถึงราคาให้สูงขึ้นได้ไม่ยาก และคนที่รักจริงๆ ก็ยอมควักกระเป๋าซื้อได้ง่ายๆ เช่นกัน ในปี 2019 รองเท้ารุ่น Jordan 5 Retro Trophy Room University Red (F&F) มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่คู่ละ 160,000 บาท เป็นรองเท้าที่ทำกำไรสูงสุดเมื่อเทียบจากราคาเริ่มต้น หรืออย่าง Jordan 1 Retro High Dior ก็ราคาพุ่งขึ้นไปถึงหลักหมื่นดอลลาร์ ก่อนที่จะวางจำหน่ายเสียด้วยด้วยซ้ำ ส่วนในยุคหลังๆ ต้องยอมรับว่ารองเท้าที่รันวงการรีเซล ก็เห็นจะเป็นสนีกเกอร์ลิมิเต็ดเอดิชันของแบรนด์ต่างๆ ที่ร่วมทำกับเซเลบริตี้ชื่อดัง อย่าง คานเย เวสต์ หรือ ทราวิส สก็อตต์
“ตอนนี้คนอายุประมาณ 13-14 ปี ก็เห็นว่ามีการซื้อขายแล้วครับ เพราะตลาดมันเปิดกว้างมาก อีกอย่างตลาดบ้านเราเป็นตลาดที่ดี รองเท้าดีๆ หายาก ก็หาซื้อกันได้ ไม่ต้องไปซื้อถึงต่างประเทศ ราคาอาจจะสูงแต่ได้ความชัวร์มากกว่า เพราะการสั่งซื้อมาจากต่างประเทศ เราไม่รู้ว่าสินค้าจะมีตำหนิจากการส่งสินค้ามาถึงเรา” เซนเล่าเสริม และยังให้ข้อแนะนำสำหรับคนที่อยากลงมาเล่นในสนามนักสะสมสนีกเกอร์ “อย่างแรกเลยคือ ต้องนึกถึงเรื่องราคา สำคัญมาก บางคนไม่มีงบถึงขนาดนั้นก็อาจจะต้องดูรุ่นที่เรามีเงินพอที่จะซื้อได้ แล้วค่อยๆ สะสมจากตรงนั้น ข้อต่อมาก็คือ เรื่องสภาพของรองเท้า โดยเฉพาะรองเท้ามือสองบางคู่ผลิตมานานแล้ว อาจจะทำให้กาวเสื่อมสภาพหรืออาจจะหลุดได้ ทางที่ดีควรใส่กล่องแล้วนำซองกันชื้นใส่ไว้ด้วย เพื่อรักษาการใช้งานของรองเท้า และถ้าเป็นไปได้เก็บไว้ในห้องแอร์ด้วยก็ดีครับ”
5 รองเท้าสนีกเกอร์รุ่นแนะนำ
1. Jordan 1 Retro High Dior
ราคา 190,000-300,000 บาท
รุ่นนี้ออกมาได้ไม่นานและเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในแวดวงของนักสะสมรองเท้า เพราะแบรนด์ Dior ได้รับความนิยมอยู่แล้ว ยิ่งได้มาทำกับ Nike ยิ่งเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น อีกอย่างคือผลิตออกมาเพียง 8,500 คู่ และทุกคู่จะนัมเบอร์ว่าเป็นคู่ที่เท่าไร โดยวันแรกที่ขายในเมืองไทย ราคาพุ่งขึ้นไปถึง 600,000-700,000 บาท แต่ตอนนี้ราคาเริ่มลดลงมาอยู่ที่ราวๆ 190,000-300,000 บาท
2. Nike MAG Back to the Future
ราคา 300,000-350,000 บาท
รองเท้ารุ่นนี้เป็นรุ่นที่ทำร่วมกับภาพยนตร์เรื่อง Back to the Future ในปี ค.ศ. 1985 ถือได้ว่ามีการออกแบบได้เท่และล้ำสมัยมาก รองเท้ารุ่นนี้สามารถเปิด-ปิดไฟและผูกเชือกได้เอง ถือว่าเป็นรองเท้าที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง เพราะรองเท้ามือหนึ่ง สภาพดีๆ หายากมาก ราคาอยู่ที่ประมาณ 300,000-350,000 บาท
3. Nike Air Yeezy 2 Red October
ราคา 100,000-150,000 บาท
เป็นรุ่น ‘ของมันต้องมี’ สำหรับนักสะสม เพราะเป็นรุ่นที่ คานเย เวสต์ ทำกับค่าย Nike ซึ่ง ณ ปัจจุบันคานเยได้ย้ายมาอยู่ค่าย Adidas แล้ว ทำให้รองเท้ารุ่นนี้ราคาพุ่งสูงขึ้นมาก
4. Nike X Off-White The Ten: Air Jordan 1 Off-White Chicago
ราคา 95,000-150,000 บาท
ออกแบบโดย เวอร์จิล แอบโลห์ ตัวเครื่องหมาย Swoosh ได้รับการเย็บติดกับรองเท้าด้วยด้ายสีน้ำเงิน และพิมพ์คำว่า Air ตรงกลางของพื้นรองเท้า
5. Air Jordan 1 High OG TS SP Travis Scott
ราคา 50,000-55,000 บาท
รองเท้าที่ทำร่วมกับ ทราวิส สก็อตต์ แรปเปอร์ชื่อดัง ตรงสัญลักษณ์ Swoosh มีการดีไซน์ให้กลับหน้ากลับหลัง ดูเท่ แตกต่างจากรองเท้า Nike รุ่นอื่นๆ
ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร
อ้างอิง: